Goldman Sachs กล่าวว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นสู่ 125 เหรียญต่อบาร์เรลในปี 2023 แม้จะมีข้อตกลงล่าสุดของ G7 ที่จะมีการกำหนดราคาน้ำมันมันดิบในรัสเซีย
Goldman Sachs เตือนเมื่อวันศุกร์ว่า เพดานราคาน้ำมันจะเป็น “ขาลงในเชิงทฤษฎี แต่เป็นขาขึ้นในทางปฏิบัติ” เนื่องจากมอสโกอาจตอบโต้ด้วยการตัดการส่งออกไปยังประเทศ G7
“เช่นเดียวกันกับในตลาดก๊าซธรรมชาติ รัสเซียอาจตอบโต้โดยตัดการขนส่งก๊าซไปให้กลุ่มประเทศ G7 ทำให้ราคาก๊าซสูงขึ้น ส่งผลให้รัสเซียมีรายได้มากขึ้น” Damien Courvalin หัวหน้าฝ่ายวิจัยพลังงานของ Goldman Sachs กล่าวว่า “การประกาศในวันนี้ ไม่มีผลต่อการคาดการณ์ราคาน้ำมันที่มองว่าเป็นขาขึ้น”
กลุ่ม G7 ซึ่งได้แก่ แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และ อเมริกา ประกาศว่า จะมีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2565 นี้
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังหวังว่า การกำหนดเพดานราคาดังกล่าวจะลดรายได้ของรัสเซียจากการส่งออกน้ำมันดิบ และไม่มีการตัดประเทศตะวันตกออกจากแหล่งพลังงานหลัก ในช่วงที่ราคาเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม Goldman เตือนว่าการกำหนดราคานี้ มีแนวโน้มที่ผลลัพธ์จะแตกต่างออกไป เพราะรัสเซียมีแนวโน้มจะตอบโต้กลับด้วยการคว่ำบาตร
“จากแนวคิดการกำหนดเพดานราคาดังกล่าว หากสำเร็จ จะทำให้รัสเซียไม่ตัดการส่งน้ำมัน ขณะเดียวกันก็บรรลุเป้าหมายของยุโรปในการจำกัดรายได้จากการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย” Courvalin’s team กล่าวว่า “ความเสี่ยงหลักของนโยบายนี้คือหากรัสเซียตอบโต้ขึ้นมา อาจทำให้ตลาดน้ำมันตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ”
รัสเซียได้ต่อสู้กับการคว่ำบาตรจากตะวันตก โดยการตัดการส่งออกก๊าซผ่านต่อส่งสำคัญ ๆ เช่น Nord Stream 1 ทำให้ benchmark prices ราคาพุ่งขึ้นกว่า 200% ตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ทางการยุโรปกล่าวหารัสเซียว่า มีการใช้supplyพลังงานเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และรัฐมนตรี energy transition ในฝรั่งเศสกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า มอสโก กำลังใช้ก๊าซเป็น “อาวุธสงคราม”
The Kremlin กล่าวว่ารัสเซียจะหยุดส่งน้ำมันไปยังประเทศที่พยายามกำหนดเพดานราคาน้ำมัน
“ประเทศที่เข้าร่วมใช้มาตรการนี้ จะไม่อยู่ในกลุ่มผู้ที่ได้รับน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป” Dmitry Peskov โฆษกกล่าวกับผู้สื่อข่าว “เราจะไม่ให้ความร่วมมือ หากราคาน้ำมันไม่เป็นไปตามหลักการตลาด”
