#หุ้นโออาร์ ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกับดาราดาวรุ่ง

5611

อย่าลืม Subcribe จะได้ไม่พลาด

Facebook | Youtube | Line | Website

“เติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน PTT Station”

“จิบกาแฟเอสเพรสโซที่ร้านกาแฟ Café Amazon”

“ทานไก่ทอดที่ร้าน Texas Chicken” และ “ซื้อของใช้ที่ 7-Eleven”

เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรที่ผมทำเป็นประจำเวลาขับรถกลับบ้านตอนเย็น ๆ

ในระหว่างที่รอจ่ายตังค์ มีคำพูดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของผม

“เทคนิคในการเลือกลงทุนหุ้น ให้เลือกจากชีวิตประจำวัน ไม่ใช่ดูจากงบการเงินอย่างเดียว” เป็นคำพูดของ Peter Lynch นักลงทุนระดับตำนาน 

รอลุ้นกันอยู่นานครับว่า “บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)” หรือ โออาร์ ที่เป็นเจ้าของกิจการเหล่านี้ รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ อีกมากมาย จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อไหร่

ล่าสุดได้ข่าวว่า #หุ้นโออาร์ กำลังจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เร็ว ๆ นี้ ให้ทุกคนได้ร่วมเป็นเจ้าของ

และเป็นหนึ่งในว่าที่หุ้นน้องใหม่ ที่นักลงทุนเฝ้ารอมากที่สุดในปี 2564 ตัวหนึ่งเลยทีเดียว

แล้วอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเหมือนได้เป็นเพื่อนสนิทกับดาราดาวรุ่ง ชวนมาทำความเข้าใจพื้นฐานธุรกิจกันก่อนครับ

“แล้ว #หุ้นโออาร์ ทำธุรกิจอะไรบ้าง?”

#ถามอีกกับอิก ชวนมาดูภาพนี้ก่อน

จะเห็นว่าในภาพใหญ่ กลุ่มธุรกิจของ #หุ้นโออาร์ มี 3 กลุ่มหลัก คือ

1. กลุ่มธุรกิจน้ำมัน แบ่งเป็นตลาดค้าปลีก อาทิ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station และตลาดพาณิชย์ (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 91.1% ของรายได้สำหรับปี 2562*)

2. กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) เช่น ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ Café Amazon ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ เป็นต้น (คิดเป็นสัดส่วน 2.9% ของรายได้สำหรับปี 2562*)

3. และอีกกลุ่มคือกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ตอนนี้ โออาร์ บุกตะลุยขยายกิจการธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ ไป 10 ประเทศในเอเชียและตะวันออกกลางแล้วครับ (คิดเป็นสัดส่วน 5.7% ของรายได้สำหรับปี 2562*)

*อ้างอิงงบการเงินรวมตรวจสอบตามกฎหมายสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562

เริ่มเห็นความเจ๋งของเค้าแล้วใช่ไหมครับ

“รายได้-กำไร เติบโตอย่างต่อเนื่อง”

เห็นภาพใหญ่กันแล้วชวนมาดูกันต่อว่า ผลประกอบการของ #หุ้นโออาร์ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเติบโตขนาดไหน จะเห็นว่ารายได้สูงมากกว่า 5 แสนล้านบาท

ในขณะที่กำไรสุทธิเอง ก็สูงระดับประมาณหมื่นล้านบาท

ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นแนวหน้าของประเทศไทยเลยครับ

“ส่องธุรกิจแรก: กลุ่มธุรกิจน้ำมัน”

มาเจาะลึกดูธุรกิจแรก ที่ยังเป็นธุรกิจหลักกันก่อนครับ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน: แบ่งเป็นสองส่วน

1. ตลาดค้าปลีก: จะเห็นว่าสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดไตรมาสที่ 3 มีทั้งหมด 1,968 สถานีในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

และส่วนใหญ่จะเป็นการดำเนินงานในรูปแบบ DODO พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ส่วนใหญ่เป็นการให้สิทธิการบริหารงานแก่ผู้แทนจำหน่าย ในสัดส่วนประมาณ 80%

ในขณะเดียวกันทาง #หุ้นโออาร์ เองก็มีสัญญารับซื้อผลิตภัณฑ์กับทางโรงกลั่นและบริษัทน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของปริมาณซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดสำหรับงวด 9 เดือนปี 2563

2. ตลาดพาณิชย์: คือการเป็นผู้นำในการจัดหาและจัดจำหน่ายน้ำมันประเภทต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น น้ำมันเตา

สำหรับเรือขนส่งและภาคอุตสาหกรรม น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และก๊าซปิโตรเลียมเหลวภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ที่ โออาร์ ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด รวมถึงน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน และยางมะตอย

โดยเน้นไปขายลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก พร้อมการพัฒนาโซลูชั่นที่จะให้บริการครบวงจรในฐานะ Energy Solution Provider ที่ไม่ใช่แค่การขายผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว

“จุดเด่นของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน”

สิ่งที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของกลุ่มธุรกิจน้ำมันคือ

1. จะเห็นว่า #หุ้นโออาร์ เป็นผู้นำ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสถานีบริการน้ำมันมากที่สุดในประเทศไทย และทิ้งห่างคู่แข่งอย่างมีนัยยะสำคัญ

2. การเน้นขยายธุรกิจแบบ DODO ทำให้มีข้อดี คือไม่ต้องลงทุนเองหนักมาก และทำให้การขยายสถานีบริการน้ำมันทำได้ครอบคลุมในเวลารวดเร็ว

3. ในขณะที่ #หุ้นโออาร์ มีสัญญารับซื้อผลิตภัณฑ์กับทางโรงกลั่นและบริษัทน้ำมัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของปริมาณซื้อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดสำหรับงวด 9 เดือนปี 2563 ทำให้เบาใจลดความเสี่ยงด้านจัดหาผลิตภัณฑ์ได้ระดับหนึ่งครับ

4. นอกจากนี้การเป็นผู้นำตลาดพาณิชย์ ช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นกลับมา ซึ่งมีความต้องการสูงขึ้น จะทำให้ #หุ้นโออาร์ ได้รับอานิสงส์อย่างมากครับ

“ส่องกลุ่มธุรกิจที่ 2: กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)”

ธุรกิจนี้สำคัญครับ และเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า โออาร์ เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าเป็นอย่างดี เพราะสถานีบริการน้ำมันไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่เติมน้ำมัน แต่ยังเป็นสถานที่ที่ให้คนใช้เวลาพักเติมพลังระหว่างการเดินทางด้วย กลายเป็น destination ที่นักเดินทางทุกคนต้องแวะพักกัน

เบื้องต้นแบ่งเป็น 3 ธุรกิจย่อย ๆ ครับ คือ

1. ร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-Eleven ในสถานีบริการ และ Jiffy ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขารวมกัน 1,960 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

2. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม เช่น Café Amazon, Texas Chicken ฯลฯ

3. ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ให้แบรนด์ดัง ๆ มาเช่าพื้นที่ เช่น McDonald’s, KFC, Burger King และ The Pizza Company

“จุดเด่นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) คือ อัตรากำไรสูง”

ทีเด็ดของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) คือ เป็นธุรกิจที่มี EBITDA Margin  ที่สูงที่สุดครับ สูงถึงประมาณ 25 – 28%

โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันมี EBITDA Margin (ปรับปรุง)* ประมาณ 1 – 3%

ส่วนกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ มี EBITDA Margin (ปรับปรุง)* ประมาณ 1 – 4%

“Café Amazon ถือเป็นไฮไลท์ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)”

ความเจ๋งของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ยังไม่หมดครับ ที่ส่วนตัวคิดว่าเป็นไฮไลท์เลยคือ Café Amazon ร้านกาแฟที่คนไทยคุ้นเคย

เป็นธุรกิจแฟรนไชส์กาแฟที่ทำมาตั้งแต่ปี 2545 แล้วครับ ปัจจุบันมีกว่า 3,100 สาขาในประเทศไทย และกว่า 270 สาขาในต่างประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

สิ่งที่ถือว่าเป็นทีเด็ด คือยอดขายในประเทศไทยที่สูงถึงประมาณ 264 ล้านแก้วในปี 2562 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 21.7%

และมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 แทบจะทุกมิติเลยครับ เช่น ในมุมรายได้ มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 39.4% ทิ้งห่างอันดับ 2 เกือบเท่าตัวเลยทีเดียวครับ (Café Amazon กับ ผู้เล่นอันดับ 2 มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันประมาณ 60%) (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดย Euromonitor)

จำนวนแก้วที่ขายได้: Café Amazon มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 26.4% ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดย Euromonitor) มากกว่าอันดับ 2 เกือบ 4 เท่าตัว แถมจำนวนแก้วที่ขายได้ในแต่ละปีก็เพิ่มมากขึ้น

จำนวนแก้วที่ Café Amazon ขายได้

ปี 2560 = 178 ล้านแก้ว

ปี 2561 = 225 ล้านแก้ว

ปี 2562 = 264 ล้านแก้ว

และมีจำนวนสาขามากเป็นอันดับที่ 1 คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 33.2% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดย Euromonitor)

“ส่องธุรกิจที่ 3: กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ”

นับว่าเป็นการต่อยอดธุรกิจจากความสำเร็จในประเทศไทยไปยังต่างประเทศ

โดยรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจที่ดี เช่น สถานีบริการน้ำมัน PTT Station มีทั้งหมด 329 แห่ง หลัก ๆ แล้วอยู่ที่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และ สปป.ลาว (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

ส่วนถ้าเป็นธุรกิจร้านกาแฟ Café Amazon ตอนนี้ก็มีมากถึง 272 แห่ง หลัก ๆ แล้วอยู่ที่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา และสปป.ลาว เช่นกัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

ส่วนธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ยังไม่เยอะมากครับ แต่ก็กำลังไปได้ดี โดยมี 86 สาขา ในกัมพูชา และ สปป.ลาว โดยใช้แบรนด์ Jiffy บุกตลาดในต่างประเทศ รวมทั้ง Fit Auto ที่ตอนนี้เปิดบริการแล้ว 4 สาขาในต่างประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

“ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปต่อยอดธุรกิจอย่างไร?”

หลังจากที่เข้าใจภาพรวมธุรกิจแล้ว ต้องบอกว่าตอนนี้ #หุ้นโออาร์ อยู่ในช่วงที่น่าตื่นเต้นมากครับ เพราะกำลังอยู่ในช่วงเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั่นหมายความว่า นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา สามารถร่วมเป็นเจ้าของได้ด้วย

โดยจะออกหุ้นสามัญใหม่ไม่เกิน 3,000 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 390 ล้านหุ้นโดยการยืมหุ้นจาก ปตท.) หรือไม่เกิน 25% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วภายหลังการทำ IPO ซึ่งหลังจากการทำ IPO แล้วเสร็จ สัดส่วนการถือครองของ PTT อาจจะลดลงจาก 100% เหลือ 75% ครับ

ทั้งนี้เหตุผลของการระดมทุนรอบนี้จะนำไปใช้ 3 ส่วนด้วยกัน

1. นำเงินทุนไปขยายธุรกิจ ทั้งกลุ่มธุรกิจน้ำมัน กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ และกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ

2. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และหรือชำระหนี้

“กลุ่มธุรกิจน้ำมัน เติบโตไปพร้อมการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย”

โอกาสเติบโต มีอะไรบ้าง? คงจะเป็นคำถามที่อยู่ในใจของนักลงทุนใช่หรือไม่ครับ

คำตอบสั้น ๆ คือ มีโอกาสเติบโตในทุกธุรกิจเลย

เริ่มต้นจากกลุ่มธุรกิจหลัก นั่นคือ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน

จะเห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันมีทิศทางที่ล้อ ๆ ไปกับตัวเลขเศรษฐกิจเลยครับ นั่นหมายความว่าจากวิกฤตโควิด-19 ย่อมส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงบ้าง

แต่นักวิเคราะห์ทุกค่ายฟันธงว่า วิกฤตรอบนี้เป็นเพียงชั่วคราว ซึ่งเศรษฐกิจไทยเองก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ในปี 2564 ทำให้ความต้องการน้ำมันมีโอกาสกลับมาได้เช่นกันครับ

จะเห็นว่า ความต้องการใช้น้ำมันมีทิศทางที่ล้อ ๆ ไปกับตัวเลขเศรษฐกิจเลยครับ นั่นหมายความว่าจากวิกฤตโควิด-19 ย่อมส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงบ้าง

แต่นักวิเคราะห์ทุกค่ายฟันธงว่า วิกฤตรอบนี้เป็นเพียงชั่วคราว ซึ่งเศรษฐกิจไทยเองก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ในปี 2564 ทำให้ความต้องการน้ำมันมีโอกาสกลับมาได้เช่นกันครับ

“ข้อสังเกตคือ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)  มีแนวโน้มเติบโตไปพร้อมกับการใช้จ่ายอาหาร และเครื่องดื่มของคนไทย”

และการที่รายได้ของคนไทยเพิ่มขึ้น กำลังซื้อมากขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็จะมีส่วนช่วยทำให้การใช้จ่ายด้านอาหารและเครื่องดื่มเติบโตมากขึ้นในอนาคต ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้มีโอกาสเติบได้อย่างต่อเนื่อง

“กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เติบโตไปพร้อมกับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น”

ข้อมูลจากธนาคารโลก และ Wood Mackenzie คาดการณ์ว่าแนวโน้มการบริโภคทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารเครื่องดื่ม และยอดค้าปลีกในอาเซียน ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกเยอะ

สังเกตได้จากตัวเลขคาดการณ์ GDP ต่อประชากร ที่สูงกว่าไทยด้วย ทำให้เป็นโอกาสการเติบโตสำหรับ #หุ้นโออาร์ ที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจในไทย

#หุ้นโออาร์ ใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง?

ถามว่าทาง #หุ้นโออาร์ ใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง? หลัก ๆ แล้วมี 6 กลยุทธ์ด้วยกันครับ

1. ขยายธุรกิจน้ำมันให้ “ครอบคลุมมากขึ้น”

“เป้าหมายคือ การขยายสาขาสถานีบริการน้ำมัน PTT Station อย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมกว่า 2,500 สาขาทั่วประเทศ ภายในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 และแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2563 – 2568)” โดยจะใช้

แนวคิดการเป็น “ศูนย์กลางชุมชน” หรือ “Living Community” ที่ โออาร์ จะทำธุรกิจควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมชุมชน

ส่วนถ้าเป็น กลุ่มตลาดพาณิชย์ จะเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอกย้ำการเป็น Energy Solution Provider เช่น ขยายตลาดการจำหน่ายและบริการเติมน้ำมันเตากำมะถันต่ำสำหรับเรือขนส่งในต่างประเทศ ขยายฐานลูกค้าของก๊าซปิโตรเลียมเหลวโดยมุ่งเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจจัดเลี้ยง ขยายฐานลูกค้าสำหรับผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants ไปยังกลุ่มลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ขยายเครือข่ายการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชนิด JET A-1 รวมถึงการลงทุนในธุรกิจสนับสนุน ได้แก่ เครือข่ายคลังเก็บผลิตภัณฑ์ และศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจน้ำมัน เป็นต้น

กลยุทธ์ที่ 2 ต่อยอดธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ ให้ “ตรงใจมากขึ้น”

“มีแผนขยายร้านกาแฟ Café Amazon ให้ครอบคลุมกว่า 5,200 สาขา ทั่วประเทศภายในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 และแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2563 – 2568)” และและมองหาโอกาสในการทำ M&A และหาพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)

กลยุทธ์ที่ 3 ผลักดันการเติบโตในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อ สร้างชื่อเสียง “แบรนด์ไทยให้ดีขึ้นอีกระดับ”

หลัก ๆ จะเน้นขยายตลาดในกัมพูชา ฟิลิปปินส์ และลาว โดยตั้งใจจะเพิ่มจำนวนสถานีบริการน้ำมัน รวมทั้งการขยายเครือข่ายด้วยการเข้าซื้อกิจการ หรือเข้าร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นไปด้วยพร้อม ๆ กัน เป้าหมายจำนวน

สาขาสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ครอบคลุมกว่า 650 สาขา และ Café Amazon ในครอบคลุมกว่า 550 สาขาในต่างประเทศภายในปี 2568 (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 และแผนการลงทุนของบริษัทในปี 2563 – 2568)

กลยุทธ์ที่ 4 ขยายธุรกิจภายใต้แนวทาง Mobility Ecosystem และ Lifestyle Ecosystem สำหรับอนาคตให้ “ครบวงจรมากขึ้น”

ขยายกลุ่ม Mobility Ecosystem: ที่เน้นบริการเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยการเพิ่มสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Charging Station) ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเปิดให้บริการการซ่อมบำรุงยานยนต์ไฟฟ้าในศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto

รวมถึงกลุ่ม Lifestyle Ecosystem: จากความต้องการของผู้บริโภคที่ปรับไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้น จึงมีแผนทำ Digital Menus, Loyalty Program, การสั่งสินค้าล่วงหน้าทางออนไลน์ และการจัดส่งสินค้าให้เมื่อลูกค้าต้องการ

กลยุทธ์ที่ 5 ลงทุนด้านเทคโนโลยีและ Supply Chain เพื่อ “เพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

เน้นไปที่การลงทุนตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่อุปทาน เช่น การก่อสร้างโรงงานเบเกอรี่ส่วนกลาง โรงงานผงผสมเครื่องดื่ม และศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจ Café Amazon และต่อยอดศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูล Blue Card ที่มีสมาชิกประมาณ 6.7 ล้านราย (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)

กลยุทธ์ที่ 6 สร้าง “คุณค่าที่ดียิ่งขึ้น” ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ครอบคลุมทั้งประเทศ สังคม ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และ พนักงาน

“ความเห็นของ ถามอีก กับอิก”

ผมว่า #หุ้นโออาร์ ทำให้รู้สึกเหมือนได้เป็น “เพื่อนสนิทกับดาราดาวรุ่ง”

ที่มองว่า #หุ้นโออาร์ เป็นดาราดาวรุ่งเพราะ #หุ้นโออาร์ เป็น “ผู้นำตลาด” ในหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้มีข้อได้เปรียบมากมาย ทั้งการที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายช่วงตัว และยิ่งธุรกิจใหญ่มากขึ้นยิ่งมีประโยชน์ด้าน Economies of Scale

จุดที่น่าสนใจอีกด้านคือ #หุ้นโออาร์ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงครับ แต่เป็นหุ้นที่วางโมเดลธุรกิจที่ใหญ่กว่านั้นและแต่ละธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอ ก็มี synergy เติบโตไปพร้อม ๆกันด้วยโมเดล Retailing Beyond Fuel ทั้งในและต่างประเทศ

การเปิดน่านน้ำใหม่ในต่างประเทศมีโอกาสเติบโตสูง เพราะประเทศเพื่อนบ้านเองก็มีพฤติกรรมที่คล้ายกับคนไทย ประกอบกับการที่เป็นธุรกิจที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบกันง่าย ๆ ต้องมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ และด้วยวิธีคิดของผู้บริหารที่เน้นขยายธุรกิจที่มีอัตรากำไรมากขึ้น ทำให้ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดความผันผวน และมีสถานะทางการเงินที่แข็งแรง

ส่วนที่มองว่าได้เหมือนเป็นเพื่อนสนิทกับดาราดาวรุ่ง ก็เพราะว่า #หุ้นโออาร์ เป็นธุรกิจที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา หลาย ๆ คนใช้บริการหรือสินค้าของ #หุ้นโออาร์ ทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้งเหมือนผม อีกทั้งตอนนี้ก็กำลังจะเข้าระดมทุนใน

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้เราทุกคนสามารถร่วมเป็นเจ้าของได้ด้วย

เพราะฉะนั้น การติดตามการดำเนินงานก็ทำได้ง่าย อาจจะเพียงแค่ลองหัดสังเกตว่าในแต่ละครั้งที่เราไปใช้บริการมีลูกค้ามากขึ้น หรือลดลงแค่ไหน และนำมาวิเคราะห์ประกอบกับงบการเงินจะทำให้เราเข้าใจพื้นฐานธุรกิจได้เร็วมากขึ้น

“แล้วตัวเลขอะไรที่ควรจับตาดู?”

สิ่งที่ต้องเฝ้าติดตามระยะยาว คืออัตราการทำกำไรที่ยังถือว่าค่อนข้างบาง เพราะธุรกิจหลักอย่างกลุ่มธุรกิจน้ำมันมีความผันผวนตามราคาในตลาดโลก

ซึ่งหากอนาคตเกิดเหตุการ์ณไม่คาดฝัน ก็อาจจะส่งผลต่อผลประกอบการได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารเองก็เห็นถึงความเสี่ยงนี้ จึงได้ผลักดันกลยุทธ์เพิ่มอัตรากำไร และรุกธุรกิจในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ทำให้เบาใจได้บ้างครับ

ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม เช่น ความเสี่ยงกฎระเบียบ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี ปัจจัยเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น

แต่ผู้บริหารเองก็มีแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงเหล่านี้หมดแล้วเพราะมีแนวทางการบริหารธุรกิจที่เน้นความยั่งยืน และเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียครับ

ใครที่สนใจแล้วอยากได้ข้อมูลเพิ่มติม สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ http://investor.pttor.com/

และสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมกับตัวแทนจำหน่ายหุ้นได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศครับ

อย่าลืมนะครับว่า เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุดขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต 

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน คลิกเลย

#ถ้าไม่อยากพลาดแนวคิดการลงทุนและไอเดียการลงทุนดี ๆ อย่าลืมกด subscribe และ กดกระดิ่งนะครับ

TAM-EIG

TAM-EIG

5611

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!