ตุรกีมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร?
ย้อนไปปี 2012 เออร์ดวน ขึ้นมาเป็นผู้นำตุรกีและสร้างความยิ่งใหญ่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ต่อมาปี 2016 ตุรกีเกิดรัฐประหาร เออร์ดวนกลายเป็นผู้นำเผด็จการมากยิ่งขึ้น มีความเกลียดชังยุโรปและอเมริกาอีกทั้ง วิสัยทัศน์ของเออร์ดวนที่เชื่อว่า ตนเองจะสามารถฟื้นความยิ่งใหญ่ของตุรกีกลับมาได้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ การที่เออร์วนไม่เข้าไปควบคุมนายธนาคารกลางไม่ให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เงินเฟ้อในตุรกีจะสูงมากถึง 36% นั่นเป็นเพราะว่าเออร์ดวนไม่ไว้ใจระบบเสรีนิยม ไม่เชื่อในระบบตลาด และมักตัดสินแบบนอกตำรา
ดังนั้น การเกิดวิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ปัญหาทางการเงิน แต่เป็นภาพฉายของแนวนโยบายกับโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง และเรื่องของ Vision ของผู้นำ อย่างไรก็ตาม มองว่าวิกฤตนี้น่าจะเกิดแค่ในตุรกีเท่านั้น ไม่ลามไปที่อื่น
ตุรกีกำลังพยายามนำความยิ่งใหญ่กลับมา
ตุรกีกำลังเน้นเรื่องการส่งออกและการลงทุน โดยพยายามให้ดอกเบี้ยต่ำ บวกกันค่านิยมที่ไม่เห็นด้วยกับระบบเสรีนิมยมของผู้นำ เออร์ดวนชื่อว่านโยบายของตนจะทำให้ตุรกีกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง จนทำให้ธนาคารกลางไม่มีอิสระ ซึ่งนำไปสู่โอกาสเกิดวิกฤตการเงิน แต่ที่ระบบเศรษฐกิจของตุรกียังไม่พัง เพราะว่าคนยังมีความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของตุรกี
ถ้าธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตุรกีจะได้รับผลกระทบ?
เนื่องจากตุรกีเป็นประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก การที่อเมริกาขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้เงินจะไหลออกไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ส่งผลให้ค่าเงินตุรกีอ่อนค่า และจะกระทบต่อการนำเข้าของตุรกี
ประเทศที่มีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ
นอกจากตุรกีแล้ว ประเทศที่มีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจได้แก่ประเทศที่มีประเด็นปัญหาอัตราการเติบโตต่ำและมีปัญหาของการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูง รวมถึงเป็นประเทศที่สามารถแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ช้า เพราะ มีปัญหาเรื่องวัคซีนต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศที่อยู่ในแอฟริกา และละตินอเมริกา