จับตาประชุมเฟด นัดชี้ชะตาเขย่าตลาดโลก

868

อย่าลืม Subcribe จะได้ไม่พลาด

Facebook | Youtube | Line | Website

*สัมภาษณ์ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บล. เกียรตินาคินภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ได้พูดถึงสถานการณ์ที่ธนาคารกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ FED จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ว่า นโยบายการเงินของสหรัฐ ปกติแล้วจะขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.25 % ถ้าหากมีการขึ้นมากกว่านั้นถือเป็นการส่งสัญญาณที่ค่อนข้างรุนแรง เพราะหน้าที่ของ FED ปกติแล้วจะมีอยู่ 3 อย่างด้วยกันก็คือ 1.การบริหารจัดการเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำและมีเสถียรภาพ 2.ทำให้มีอัตราการว่างงานอยู่ในระดับที่ต่ำ 3.รักษาอัตราดอกเบี้ยระยะยาวและอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ

แม้เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างแน่นอน อีกทั้งยังมีเรื่องของราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นด้วย แต่การที่เงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ FED ต้องเร่งเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ก็ต้องมาดูก่อนว่าช่วงที่เกิดสงครามเช่นนี้ มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะเกิดการชะลอตัวลงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็เริ่มเห็นสัญญาณแล้วว่า พอตลาดหุ้นเริ่มตก การใช้จ่ายของผู้คนก็เริ่มลดน้อยลงตามมา และยังมีสัญญาณหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นนโยบายการคลังที่มีการอัดฉีดเงินเข้ามามากในปีที่ผ่านมา ก็เริ่มมีการชะลอแล้วในปีนี้ อีกทั้งประเทศจีนก็เริ่มมีการระบาดของโควิดอีกครั้ง เหล่านี้อาจทำให้อุปสงค์กับอุปทานในเศรษฐกิจโลกกลับมาชะลอตัวลง

สำหรับสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่อาจมีผลต่อการตัดสินใจของ FED นั้น มองว่าว่า FED อาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ของสงครามที่เกิดขึ้นมากนัก แต่จะให้ความสำคัญเรื่องภาพรวมทางเศรษฐกิจที่เป็นผลพวงจากสงครามมากกว่า เพราะเรื่องสู้รบ อาจไม่สำคัญเท่ากับมาตรการคว่ำบาตรที่มีผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรัสเซียเป็นผู้ผลิตทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น ถ้าหากว่ารัสเซียถูกตัดออกจากตลาดโลกจริงก็จะส่งผลกระทบต่อราคาตลาดทั้งหมด และที่สำคัญก็คือจะกระทบต่อผู้บริโภคที่มีค่าครองชีพที่สูงขึ้น

สุดท้ายแล้วราคาน้ำมันะเป็นอย่างไรไปนั้น  มองได้ 3 ภาพใหญ่ ได้แก่ 1.) อาจมีการเคลื่อนไหวแบบสายกลางต่อให้มีการคว่ำบาตร  2.)ในช่วงที่ราคาน้ำมันเป็นขาขึ้นนั้น จะมีการปรับเพิ่มขึ้นนานแค่ไหน 3.) จะมีการขาดแคลนสินค้าพวกนี้หรือไม่

ดร.พิพัฒน์ ให้ความเห็นว่า สำหรับประเทศไทยเวลานี้ควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เพราะตอนนี้ประเทศไทยกำลังเจอกับสถานการณ์ใหญ่ 3 เรื่องด้วยก็คือ 1.) ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น 2.) การที่รัฐบาลพยายามควบคุมราคาสินค้า ซึ่งหากมีการควบคุมนาน ๆ ก็อาจเจอกับปัญหาการขาดแคลน 3.) ทำอย่างไรให้ประเทศพึ่งพาพลังงานให้น้อยลงในระยะยาว และเริ่มลงทุนหรือหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น 

บตาประชุมเฟด-นัดชี้ชะตาเขย่าตลาดโล

#ถามทันที | จับตาประชุมเฟด นัดชี้ชะตาเขย่าตลาดโลก

ถามอีก กับ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP)

คุยอะไรกันบ้าง?

 0:00 เริ่มกันเลย

0:46 FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.5% ?

7:05 เงินเฟ้ออาจสูงกว่าที่คิด?

11:50 Wage-Price Spiral กำลังเกิดขึ้น?

18:03 ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กับ 0.5% ต่างกันยังไง?

21:44 สงครามรัสเซีย ยูเครน มีผลต่อการตัดสินใจของ FED ?

32:10 หลายประเทศสุ่มเสี่ยงวิกฤต?

37:19 ครึ่งปีหลัง มีอะไรที่เป็นความหวัง?

40:00 โควิด-19 ในจีน ต้นตอของวิกฤตรอบใหม่?

46:59 สุดท้ายไทยต้องยอมขึ้นดอกเบี้ย?

50:52 ใกล้ถึงเวลา ดอลลาร์ล่มสลาย?

54:00 มีโอกาสเจอ Stagflation ทั้งโลก? ลงทุนในไทยยังไง?

56:31 ประเทศไทยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้อย่างไร?

#TamEigPodcast ฟังแบบเนื้อ ๆ ไม่มีเม้นท์ ได้ที่ Podcast

ถามอีกกับอิก TE 460 | จับตาประชุมเฟด นัดชี้ชะตาเขย่าตลาดโลก

ถ้ามีประโยชน์และชื่นชอบ อย่าลืม subscribe และให้ดาวนะคร้าบ

คลิกเพื่อฟังทาง Apple podcast

คลิกเพื่อฟังทาง Soundcloud

คลิกเพื่อฟังทาง Spotify

คลิกเพื่อฟังทาง Google podcast

TAM-EIG

TAM-EIG

868

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!