ด่วน! ปู่บัฟเฟตต์มองยังไงในภาวะตลาดแบบนี้ (ตอนที่ 3)

865

#ลงทุนนอกโลก โดยถามอีกกับอิก

 

มาลุยกันต่อยาว ๆ ครับ วันนี้ได้ข้อคิดดี ๆ มากมาย ไม่อยากให้พลาดเลยครับ

 

ส่วนใหญ่ตอนนี้นี้จะเป็นแนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา หลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจมากครับ จัดเต็มมากๆว่า ทำไมแกถึงชอบหุ้นธนาคารพาณิชย์ และ Apple

 

========

 

1. บทเรียนข้อผิดพลาดในการลงทุนในหุ้น Wells Fargo ของ Berkshire Hathaway คือ ผู้บริหารควรแก้ไขปัญหาโดยทันที

 

“ปัญหาของ Wells Fargo คือ การที่คิดค้นระบบการให้แรงจูงใจกับลูกน้องในทางที่ผิดมหันต์” “และสิ่งที่ผิดมากกว่าเสียอีก คือ การที่ผู้บริหารเพิกเฉยต่อปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว”

 

ทันทีที่ผู้บริหารรู้ว่ามีปัญหาควรที่จะรีบแก้ไขเสีย มิฉะนั้นก็จะเป็นหายนะตามมา (และนี่ก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไม ปู่ถึงทยอยขายหุ้น ออกมานั่นเองครับ) เพราะก่อนหน้านี้ Wells Fargo ทำบัญชีปลอม และหลอกลูกค้าสารพัดอย่าง ก่อนที่จะถูกทางการจับได้ และปรับด้วยมูลค่ามหาศาลครับ

 

2. ปู่บอกว่าโดยปกติแล้ว Berkshire จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง และจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีบ้างเล็กน้อย

 

3. แต่จุดที่น่าสนใจคือ ปู่บอกว่า ในช่วงเวลาปกติในอีก 10 ปีข้างหน้า การลงทุนในดัชนี S&P 500 จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าใน Berkshire (ยกเว้นในช่วงเวลาที่ตลาดเป็นขาลง)

 

4. เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะ พอร์ตของ Berkshire ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผลตอบแทนเริ่มแย่กว่าตลาดบ้าง

 

5.จุดที่น่าสนใจ คือปู่บอกว่า การลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ยังน่าดึงดูดใจมากกว่า หลักทรัพย์อื่น ๆ ที่ปู่เห็นครับ

 

“ผมรู้สึกดีมากๆ เกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นธนาคารพาณิชย์ เพราะมองว่าน่าลงทุนกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ” เท่าที่ผมเข้าไปเชคจะเห็นว่าหุ้นส่วนใหญ่ในพอร์ตของปู่ เป็นหุ้นธนาคาร คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2.48 แสนล้านเหรียญ!!

 

เหตุผลของปู่เป็นเพราะธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังถือว่าเป็นธุรกิจที่ดี ถ้าคุณไม่เอาสินทรัพย์ไปลงทุนอะไรมั่ว ๆ “ตอนนี้กลุ่มธนาคารพาณิชย์สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 12-16% จากสินทรัพย์”

 

“นั่นเป็นธุรกิจที่ดี และมันช่างเป็นธุรกิจที่สุดยอด เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 2% เท่านั้น”

 

และอีกจุดหนึ่งที่แกชอบ คือ หุ้นธนาคารเช่น Bank of America ขอบซื้อหุ้นคืนเป็นประจำทุกๆปี “เพราะฉะนั้นสัดส่วนที่ Berkshire ถือหุ้นธนาคารก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ใช้เงินสักบาทเดียว”

 

6. แกบอกว่าแกชอบ เป็นเจ้าของธุรกิจที่ดี โดยที่ไม่ต้องใช้ตังเพิ่มและที่สำคัญ ปู่ก็ยังได้รับเงินปันผลเพิ่มเติมอีกด้วยครับ

 

7. ปู่ย้ำว่า Berkshire จะยังคงเป็นกิจการที่มีมูลค่าเหมือนเดิม แม้ว่าจะมีตัวเค้าอยู่หรือไม่ก็ตาม

 

“ผมอายุ กำลังจะย่างเข้า 90 ปี และมั่นใจว่าต่อให้ Berkshire ไม่มีผล ก็จะยังมีคุณค่าและมูลค่าเท่ากับตอนที่ผมยังมีชีวิตอยู่” และเล่นตลกเล็ก ๆ ว่า แกไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทมากมายนัก แต่ก็ใช่ว่า จะลดมูลค่าครับ

 

8. แกแตะการเมืองนิดหน่อยว่า แกจะโหวตให้กับ Mike Bloomberg เพราะแกเชื่อในหลักทุนนิยม (เพราะมีความเสรี และเป็นไปตามกลไกตลาด)

 

9. แต่จุดที่น่าสนใจมากๆ คือ แกบอกชัดเจนว่า แกชอบหุ้น Apple มาก ๆ ครับ (แต่เอ… ก็มีทยอยขาย 3.7 ล้านหุ้นออกมานะครับปู่) “ตอนนี้ berkshire ถือหุ้นสัดส่วนประมาณ 5.7%” และบอกชัดเจนว่า Apple เป็นธุรกิจที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ เท่าที่ปู่รู้จักมา

 

โอว ชัดมาก

 

“คำถามสำคัญคือ สิ่งที่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของสินค้าและบริการของ Apple ในช่วง 5-10 ปีข้างหน้ายังมีอยู่ไหม” ปู่คิดว่ายังมีเมื่อเทียบกับคู่แข่งครับ

 

“ผมไม่ได้คิดว่า Apple เป็นหุ้น แต่มองว่า Apple คือหนึ่งในธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด” และไม่ได้มองว่าเป็นหุ้นเทคโนโลยีแต่มองว่า Apple เป็นหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค เนี่ยแหละครับ เพียงแต่เป็นหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค ที่เก่งด้านเทคโนโลยี 

 

“Apple เป็นบริษัทที่น่าทึ่งมาก ผมควรจะเห็นคุณค่าของมันก่อนหน้านี้” เพราะ Apple สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ของชีวิตของคนทั้งโลกในทุกมิติ

 

10.ปู่บอกว่า สำหรับ โคโรนาไวรัส มองว่าแกมีที่ปรึกษาส่วนตัวด้านวิทยาศาสตร์ นั่นคือ เฮีย Bill Gates เพื่อนซี้ต่างวัย

 

“ผมเพิ่งคุยกับแกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง และ Gates ดูจะมีมุมมองที่ดี เกี่ยวกับแนวทางในการหาทางป้องกันโคโรนาไวรัส แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้” ปู่กำลังพูดถึงว่าตอนนี้เฮีย Bill Gates กำลังเร่งมืออย่างเต็มที่ในการให้มูลนิธิของแกลุยหาทางแก้ไข โคโรนา

 

11. การลงทุนในหุ้นไม่จำเป็นต้องทำในทุกๆวัน แต่นักลงทุนควรจะต้องมองการลงทุนเป็นการลงทุนระยะยาว

 

12. เหตุผลที่แกถือเงินสดเยอะขนาด 1.28 แสนล้านเหรียญเป็นเพราะต้องการอยากจะเตรียมตัวรับความเสี่ยงในทุกรูปแบบในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด หรือปัจจัยเสี่ยงเรื่องอื่น ๆ ก็ตาม

 

13. การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีต่ำที่สุดนับตั้งแต่ กค. 2016 ปู่บอกว่าเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ

 

“มันช่างเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลสิ้นดี ที่ให้ยืมเงินที่อัตรา 1.4% ในขณะที่มีนโยบายว่าอยากจะเห็นอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2%”

 

สิ่งที่แกบอกว่าไม่ค่อยปกติ เพราะเท่ากับว่ารัฐบาลกำลังบอกว่าจะให้เงินคุณ 1.4% (ถ้าคุณลงทุนในพันธบัตร) แต่จะต้องเสียภาษี ในขณะที่ค่าเงินกำลังลดลงปีละ 2% นี่มันปกติที่ไหนละ

 

14. ตอนนี้สิ่งที่ Berkshire กำลังเจอ คือ ความยากในการเข้าซื้อทั้งกิจการ แม้ว่าจะมีคุณภาพดีก็ตาม

 

เพราะราคาหุ้นเหล่านั้นอยู่ถูกตั้งราคาขายในราคา premium ทำให้ปู่ซื้อได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น “เหตุผลที่ราคาหุ้นเหล่านั้นตอนนี้เทรดอยู่ในราคาสูงเป็นเพราะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ ทำให้มีต้นทุนในการซื้อกิจการในราคาถูก”

 

15. สิ่งที่ผมมองหาในตัวของทีมผู้บริหารคือ จะต้องเป็นคนที่มองในมุมมองเดียวกับผู้ถือหุ้น

 

16. ปู่ยังยืนยันว่า สกุลเงินดิจิตอลไม่มีมูลค่าในตัวมันเองเลย “มูลค่าของมัน มาจากความเชื่อ ที่มองว่ามูลค่ามันจะสูงขึ้นในอนาคต” โดยปู่พูดสั้นๆว่า มูลค่าของมันมีค่าเป็น 0

 

========

อ่านย้อนหลัง ตอนที่ 1

https://www.facebook.com/309527089143639/posts/2752224928207164/?d=n

ด่วน! ปู่บัฟเฟตต์มองยังไงในภาวะตลาดแบบนี้ (ตอนที่ 2)

https://www.facebook.com/309527089143639/posts/2752302628199394/?d=n

========

เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุด ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต

อิสรภาพชีวิต !! อยู่ไหนก็ไม่พลาด อย่าลืมกดติดตามนะครับ หรือเพิ่มช่องทางการสื่อสารได้เลย

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Line@: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
คลิกเลย

TAM-EIG

TAM-EIG

865

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!