#สรุปOppDay บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) สำหรับงบไตรมาสที่ 2 / 2562

5369

Facebook page: ถามอีก กับอิก 

 

โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPTtm

 

============


GULF ทำธุรกิจอะไร ทำไมฮอตขนาดนี้ครับ?

นี่เลยครับ GULF เป็น holding company ถือหุ้นหลายๆบริษัทครับ หลักๆจะเน้นไปที่ การผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และน้ำเย็น โดยเป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

 

============

 

ไตรมาสแรกมีความคืบหน้าอะไรบ้างครับ?

 

1.“เริ่มจากโครงการ 12 SPPs ก่อนครับ”  

 

รวมกันแล้วมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 519 เมกะวัตต์ โดยได้ทยอยเปิดบริการตั้งแต่เดือน มค. และถ้ารวมโครงการ 12 SPPs รวมแล้วกว่า 1563 เมกะวัตต์ครับ “ทุกอย่างถือว่าเป็นไปตามกำหนดและตามงบประมาณที่ตั้งไว้” ผู้บริหารแสดงความเชื่อมั่นครับ

 

2. สำหรับโครงการโซล่าฟาร์ม เปิดเร็วกว่ากำหนดและให้ประสิทธิภาพที่สูงกว่าเป้าหมาย

 

3. NGD หรือโครงการจำหน่ายแก๊สธรรมชาติผ่านทางท่อ โดยโครงการนี้ร่วมทุนกับ WHA และ มิสซุย โตเกียว แก๊ส 

โดย GULF ถือหุ้น 35%, WHA ถือหุ้น 35% แต่ มิสซุย โตเกียว แก๊ส ถือหุ้นที่เหลือ 30% 

 

จากทั้ง 3 โครงการนี้ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 637 เมกะวัตต์ และทำให้ capacity ในการผลิตไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเป็น 5919 เมกะวัตต์

 

============

 

มาดูโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างกันบ้างครับ

 

1. เบื้องต้นแบ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าที่ใช้แก๊ส เป็นเชื้อเพลิง

 

มีทั้งหมด 3 โรงงานครับ คือ GSRC ที่ GULF ถือหุ้นอยู่ 70% โดยมิสซุยถือหุ้น 30% ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ที่นิคม WHA เบื้องต้นได้เซ็นสัญญาขายไฟให้ EGAT แล้ว 25 ปีครับ โดยมี capacity 2650 เมกะวัตต์

 

ถัดมา เป็นโครงการ Gulf PD โดยมี capacity 2650 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่นิคม โรจนะ ระยอง โดยมีการเซ็นสัญญากับ EGAT แล้ว 25 ปี โดยโครงการนี้ GULF ถือหุ้นอยู่ 70% เช่นกันครับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาเงินกู้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำ interest rate swap ทำให้ต้นทุนทางการเงินต่ำมากๆ

 

ส่วนโครงการที่สาม คือ โครงการแก๊ส ที่โอมาน โดย GULF ถือหุ้นทั้งหมด 45% ทั้งนี้เซ็นสัญญา 25 ปี ปัจจุบันเป็นการขายน้ำจืด และขายไฟให้กับโรงกลั่น ซึ่งมีการเซ็นสํญญาขายเป็นเวลา 25 ปีแล้ว

 

2. โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน

 

โรงแรก คือ Gulf chana Green เป็นโรงไฟฟ้าไบโอแมส ปัจจุบันถือหุ้น 100%   อยู่ที่จ.สงขลา โดยได้เซ็นสัญญากับ EGAT เป็นเวลา 25 ปี โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือน มี.ค.ปีหน้าครับ

 

ส่วนอีกหนึ่งแห่งคือ โรงไฟฟ้าพลังลม ที่เวียดนาม ตอนนี้มีกำลังการผลิต 310 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันพวกงานระบบขายส่ง ก็เริ่มทำไปแล้ว โดยอยู่ในช่วงหาผู้รับเหมา “เรามองว่าเวียดนามเป็นการลงทุนในเชิงกลยุทธ์เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตดี ทำให้ความต้องการใช้ไฟเพิ่มขึ้นมาก” 

 

============

 

ทำโครงการเยอะขนาดนี้ มาดูโครงการในมือของ GULF กันบ้างครับ

 

จะเห็นว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าของ GULF ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยต่อปี 20% โดยตอนนี้เป็นโรงไฟฟ้าประเภท IPP 76%, เป็น SPP 18% และเป็นพลังงานทดแทน 7%

 

============

 

สำหรับโครงการที่มีศักยภาพละครับ

มีหลายโครงการครับเช่น พัฒนามาบตาพุด ระยะที่ 3 ที่ระยอง โดย GULF (ถือหุ้น 70%) ถือหุ้นร่วมกับ PTT Tank (ถือหุ้น 30%) โดยจะแบ่งเป็นงาน 2 ส่วนครับ คือ งานถมทะเล โดยการสร้าง LNG terminal ซึ่ง GULF คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 13,000 ล้านบาทครับ

นอกจากนียังมีโครงการมอเตอร์เวย์ โดยมีการถือหุ้นร่วมกับพันธมิตรมากมายครับ เช่น BTS, STEC, RATCH

============

 

ผลประกอบการก็เติบโตหนักมาก ทำให้ผู้ถือหุ้น GULF ยิ้มออกเลยครับ

 

ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดมากๆครับ เหตุผลคือรับรู้รายได้จากโครงการในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้แบบเต็มๆละครับ รวมถึงโครงการในเวียดนามเองก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

ชวนมาดูกำไรจากการดำเนินงานสูงถึง 1,603 ล้านบาท จะเห็นว่าเติบโต 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่เติบโต 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วครับ (ส่วนหนึ่งได้ประโยชน์จากการแข็งค่าของค่าเงินบาทครับ)

สำหรับค่า D/E อยู่ที่ 1.77x (เงินกู้เพิ่มขึ้น 5%) โดยสินทรัพย์อยู่ที่ 129,186 ล้านบาท เติบโต 4% 

 

============

 

เป้าหมายรายได้เป็นไงครับ?

 

“มั่นใจว่ารายได้ จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายแตะ 3 หมี่นล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนที่ 2 หมื่นล้านบาท” ผู้บริหารมั่นใจครับ จากปัจจัยการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD กำลังการผลิตรวม 5,919 เมกะวัตต์ ครับ

 

โดยมีตารางในการซ่อมแซมโรงไฟฟ้าดังนี้ครับ

============

 

หัวใจสำคัญในการบริหารอยู่ที่ 3 ส่วนที่ทำให้ GULF มีความได้เปรียบกว่าเจ้าอื่นด้วยกันครับ 

 

1. เงินกู้: ใครก็ตามที่ได้ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ ก็จะได้เปรียบครับ แต่ก็มีโอกาสกู้ได้มาก เพราะ GULF ทำโครงการระยะยาว และมักจะกู้ได้เพราะมีรายได้ที่เซ็นสํญญาไว้หมดแล้ว

 

2. เรื่องต้นทุนของการก่อสร้าง: แต่ละโครงการใช้เงินประมาณ 5-6 พันล้านบาท สำหรับการก่อสร้าง โดย GULF มีวิธีในการบริหารจัดการต้นทุน

 

3. O&M: GULF มีวิธีบริหารต้นทุนจัดการคนได้ดี และใช้เทคโนโลยีมาช่วย เช่น ใช้กล้องในการจับทะเบียนรถที่เข้าโรงงานในการก่อสร้าง ช่วยประหยัดพนักงาน และเวลา

 

ส่วนสไตล์เข้าไปลงทุน จะเป็นแนวที่บริหารธุรกิจ ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทร่วมเฉยๆ เช่น เวียดนามก็มีการส่งวิศวกร เข้าไปคุมโรงงานไฟฟ้าเองด้วย 

 

โดยในเวียดนาม ก็สนใจ โครงการ LNG, พลังงานทดแทน เช่น พลังงานลม

 

สปป.ลาว สนใจโครงการเขื่อน

 

ส่วนที่ โอมาน จะเป็นโครงการประเภทแก๊ส และพลังงานทดแทนอื่นๆ

 

============

 

แผนการลงทุนก็จัดหนักเหมือนกันครับ

 

1. GULF มีแผนการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้า ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิตรวม 6,000 เมกะวัตต์ (MW) ในประเทศเวียดนาม และพร้อมกับการต่อยอดไปสู่ธุรกิจซื้อขายก๊าซ LNG 

 

2. นอกจากนี้ยังได้เจรจากับพันธมิตรจีนเพื่อร่วมก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 2,500 เมกะวัตต์ เบื้องต้นบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 30-35% โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปของแผนลงทุนภายในปีหน้า

 

3. ส่วนแผนการลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯนั้น บริษัทได้ชะลอออกไปก่อนเพราะมองว่าอาจจะไม่คุ้ม โดยจะหันมาเน้นการลงทุนอื่น ๆ ในภูมิภาคมากขึ้น และเน้นในโครงการที่มีผลตอบแทนที่ดี และสามารถพัฒนาโครงการได้ในอนาคต

 

4. ไม่ใช่แค่นี้ครับ GULF ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 5,000 เมกะวัตต์ 

 

แบ่งเป็น โครงการ GSRC ตั้งอยู่ในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กำลังการผลิตรวม 2,500 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันการก่อสร้างดำเนินการคืบหน้าแล้ว 30-40% คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงปี 64 -65 

 

และโครงการ GPD ที่ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง กำลังการผลิต 2,500 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากู้เงินจากสถาบันทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566-2567

 

5. นอกจากนี้ GULF ยังวางแผนใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น จำนวน 3 โครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ รวมประมาณราว 1.3 หมื่นล้านบาท เช่น โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 , โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 และโครงการงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) 

 

โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานหลังจากเริ่มเปิดดำเนินการทั้งหมดภายในปี 70 จะอยู่ที่ระดับ 10-20% ของรายได้รวม ซึ่งมองว่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) อยู่ที่ 10%


6. ทั้งนี้ GULF จะใช้นวัตกรรมทางการเงินเพื่อปรับโครงสร้างพร้อมลดต้นทุนทางดอกเบี้ยให้มีต้นทุนลดลงอีกราว 1-1.5%

 

================

 

ตอนนี้เรากำลังยกเลิกการส่งไลน์แอด และไปส่งผ่าน Telegram ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลและแนวคิดดีๆ แอดมาโลด

เด้อ https://t.me/TAM_EIG

 

Download Telegram

 

สำหรับ Android: https://play.google.com/store/apps/details…

 

สำหรับ IOS: https://apps.apple.com/us/app/telegram-messenger/id686449807

 

——————

 

ไม่อยากพลาด! อย่าลืมกดติดตามนะครับ

 

เกาะติดทุกสถานกาณ์ Facebook page: http://bit.ly/30BE1Ul

 

ส่งข่าวสารถึงมือผ่าน Telegram: http://bit.ly/2JiYoyf

 

อ่านข้อมูลแบบกระชับ Twitter: http://bit.ly/TAM-EIG_Twitter

 

TAM-EIG

TAM-EIG

5369

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!