บทความ

#ข่าวเช้าตรู่ส่งถึงมือคุณ! โดยเพจ “ถามอีก กับอิก”

1083

1. IMF และ เฟดประสานเสียงว่าโคโรนา เป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก

“ความเสี่ยงจากโคโรนา เป็นความเสี่ยงใหม่ และมีผลต่อการเติบโตเศรษฐกิจโลก” เป็นการเปิดเผยรายงานประชุมของเฟด ธนาคารกลางสหรัฐเมื่อคืนนี้ครับ

โดยเฟดมองว่า ถ้าการระบาดยังไม่หยุดก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจจีน (ทั้งๆที่ภาพก่อนหน้านี้กำลังเติบโตมาอย่างสวยงาม)

เช่นเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่มองว่า โคโรนาไวรัส เป็นปัจจัยที่กดดันทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจโลกมากที่สุด

“ถ้าการระบาดจบเร็ว เราก็มองว่าเศรษฐกิจจีนจะดีดกลับมาได้อย่างรวดเร็ว” ผู้อำนวยการ IMF ฟันธงครับ

แต่มุมมองบวกคือ เศรษฐกิจจีนเจอศึกหนัก ตัวเลขน่าจะลดลงในไตรมาสแรก แต่ถ้าดูภาพใหญ่ทั้งปีจะเห็นว่าผลกระทบเล็กน้อยมาก

“ปัญหาที่จะกระทบไปยังประเทศอื่นเองตอนนี้ก็ถือว่าน้อย และน่จะเป็นระยะสั้น” ส่วนใหญ่จะเป็นการกระทบ supply chain , การท่องเที่ยว และการห้ามการเดินทางท่องเที่ยว

แต่ผู้อำนวยการ IMF ก็เตือนเหมือนกันว่า ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ จะทำให้เศรษฐกิจโลกเจอลูกหลง กระทบชิ่ง ได้เหมือนกัน เพราะเศรษฐกิจจีนมีสัดส่วนเมื่อเทียบกับ GDP โลก ถือว่าสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ

========

2. MUFG ธนาคารใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นทุ่มเงินเข้าไปลงทุนใน Grab

นับไม่หวาดไม่ไหวแล้วครับว่า มีคนลงทุนใน Grab กี่เจ้าแล้ว

แต่ที่น่าสนใจคือ MUFG หรือ Mitsubishi UFJ Financial Group ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นจัดหนัก จัดเต็ม เข้าไปลงทุนมากกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน GRAB (แอพเรียกใช้บริการแท็กซี่ และบริการอื่นๆ) หรือมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท!!

“เหตุผลที่ ธนาคารญี่ปุ่นสนใจ GRAB เป็นเพราะอยากจะพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น ประกัน, สินเชื่อ ให้กับทางลูกค้าของ GRAB”

ตอนนี้ GRAB ไม่ได้เป็นแอพแค่เรียกแท็กซี่เหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ แต่ใช้ concept ที่เรียกตัวเองว่าเป็น super app พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ลูกค้าสามารถทำทุกอย่างได้โดยใช้แอพของ grab เพียงแอพเดียว

“เช่นซื้ออาหาร ส่งเอกสาร จองโรงแรม จ่ายตังค์ รวมถึงบริการทางการเงิน” อืม… บริษัทอื่น ๆ ถ้าเป็นรายกลาง ๆ เล็ก ๆ น่าจะหนาว ๆ ร้อน ๆ กันละครับ

ปัจจุบัน GRAB มีคนใช้มากกว่า 166 ล้านคน และเป็นเจ้าตลาดในอาเซียนทำให้นักลงทุนระดับสถาบันทยอยเพิ่มทุน เติมสายป่านให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

แต่จุดที่น่าติดตามคือ MUFG ประกาศตัวเลขขาดทุนครั้งแรกในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เจอศึกหนักอัตราดอกเบี้ยติดลบมานาน 5 ปี ทำให้มีผลต่อการทำกำไร และยังไม่นับค่าใช้จ่ายที่ MUFG เข้าไปซื้อกิจการธนาคารในอินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้วครับ

========

3. จัดเพิ่ม! สายการบินแห่งชาติการ์ตา เข้าไปลงทุนในสายการบิน British Airways สู้ศึกการแข่งขันสายการบินดุเดือด

จริงแล้ว การ์ตา แอร์เวย์ส ถือหุ้นบางส่วนอยู่แล้ว (ทยอยซื้อหุ้นมาตั้งแต่ช่วง 5 ปีที่แล้วครับ)

แต่ตอนนี้เพิ่มสัดส่วนเป็น 25.1% ครับ โดยมองว่าวิกฤตจาก Brexit ของอังกฤษเป็นโอกาสสำหรับเค้า เพราะมองว่ายังไงก็มีคนใช้บริการ British Airways เยอะ คิดเป็นมูลค่าที่ลงทุนเพิ่ม 600 ล้านเหรียญสหรัฐ

จุดที่น่สนใจคือ สายการบินการ์ตา ไม่ได้เข้าไปลงทุนแค่ในอังกฤษครับ แต่จัดเต็มลงทุนทั้งใน Latam Airlines สายการบินสายการบินชื่อดังของ ชิลี, Cathay Pacific สายการบินฮ่องกง, China Southern Airlines สายการบินจีน และยังซื้อหุ้นของ Rwandaair สายการบินชื่อดังจาก แอฟริกา

โอ้โห… แค่นี้ก็เท่ากับว่า สายการบินการ์ตา วางหมาก วางเครือข่ายเข้าไปเป็นเจ้าของสายการบินในภูมิภาคที่มีโอกาสเติบโตสูง

กลายเป็น global platform ที่น่าจับตามองมาก ๆ (ว่าแต่ไม่สนใจลงทุนในสายการบินบ้านเราบ้างเหรอ อิอิ)

ปล.ล่าสุด สายการบินการ์ตา เพิ่งจะขนอุปกรณ์ทางการแพทย์มากถึง 8 ลำ ไปให้จีนสู้ศึกโคโรนา

========

4. ราคาทองคำล่าสุด พุ่ง 1,613 เหรียญ ทดสอบจุดสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี

ทำไมทองคำมีโอกาสไปต่อได้ในปี 2020?

ถามอีก กับ นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการฝ่ายบริหารกลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก

คลิกเลย

https://www.facebook.com/309527089143639/posts/2742013042561686/?vh=e&d=n

========

5. สัดส่วนที่ประเทศจีนบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์

#ถันอี้ #谈亿 #ถามอีกกับอิกเรื่องลงทุนจีน