กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรทั่วโลก อีกนึงการลงทุนที่น่าสนใจปี 2020 “Schroder ISF Global Credit Income”

2150

 

“ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” “ความไม่แน่นอนของการค้าโลก” “ปัญหาความตึงเครียดในตะวันออกกลาง” และสด ๆ ร้อน ๆ “โรคระบาดโคโรนาในจีน”

 

นี่คือตัวอย่างความเสี่ยงที่นักลงทุนทั้งโลกต้องเจอนับตั้งแต่ต้นปีนี้ครับ

 

คำถามที่ “ลงทุนนอกโลก” โดยเพจ ถามอีก กับอิก ได้รับบ่อยมากคือ ความเสี่ยงเยอะขนาดนี้ยังลงทุนได้ไหม? ลงทุนอะไรดี?

 

วันนี้มีกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรทั่วโลกมาแชร์ มาดูความน่าสนใจของกองทุน Schroder ISF Global Credit Income กันครับ ว่าจะตอบโจทย์สำหรับการลงทุนในปี 2020 นี้อย่างไร มาลุยอ่านกันเลยครับ

 

เริ่มจากทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า ภาพรวมการลงทุนของ กอง Schroder ISF Global Credit Income

 

กองนี้ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2016 ครับ ปัจจุบันมีขนาดของกองทุนมากถึง 3,224.09 ล้านเหรียญ​หรือ กว่า 9.67 หมื่นล้านบาท (ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 18.4% ในช่วง 3 ปีล่าสุด)

 

หลัก ๆ แล้วจะเน้นการลงทุนในพันธบัตร ในหลายรูปแบบมากครับ ทั้งรัฐบาล, เอกชน

 

ลงทุนทั้งในสหรัฐและอีก 60 ประเทศทั่วโลก

 

และเน้นลงทุนในพันธบัตรที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่มีความหลากหลายมากครับ โดยหลัก ๆ เป็นอันดับเครดิตที่ระดับลงทุนได้ (Investment Grade)

 

นอกจากนี้ยังเข้าไปลงทุนใน sector หรือกลุ่มธุรกิจที่แตกต่างกันมากถึง 100 sector

 

เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนในพันธบัตรที่มีความหลากหลายมาก ๆ ทั้งในมุมของประเทศและสินทรัพย์ที่เข้าไปลงทุนครับ

 

โดยมีจุดประสงค์ที่อยากจะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ เหมาะมากสำหรับภาวะตลาดที่มีความผันผวนมากในปีนี้ครับ

 

เริ่มเห็นภาพรวมของกองทุนแล้วนะครับ ชวนไปดูภาพถัดไปเพื่อดูข้อดี แต่ละข้อของกองนี้กันเลยครับ

 

ข้อดีของการลงทุนกับผู้จัดการกองทุนระดับโลก คือ การที่มีโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก ไม่ได้จำกัดที่ประเทศไทยของเราเท่านั้นครับ

 

“ส่วนใหญ่กองทุนนี้ให้น้ำหนักไปที่ สหรัฐและทางฝั่งยุโรปเป็นหลักเลยครับ” เช่น การลงทุนในพันธบัตรสหรัฐ สัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 รองลงมาคือ สหราชอาณาจักรที่ลงทุนประมาณ 1 ใน 5

 

ส่วนประเทศอื่น ๆ ก็เช่น เยอรมนี, สเปน, ฝรั่งเศส, ลักเซมเบิร์ก, สวีเดน และเม็กซิโก

 

ข้อสังเกตคือ ประเทศที่กองทุนนี้เข้าไปลงทุน ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตด้านเศรษฐกิจในอนาคตทั้งสิ้นครับ

 

และเมื่อดูไส้ในก็จะเห็นพอร์ตนี้ลงทุนในพันธบัตรของบริษัทชื่อดังมากมายครับ ทั้ง Daimler, Citibank, JPMorgan Chase

 

ล้วนแล้วแต่เป็นประเทศหรือพันธบัตรของบริษัทที่นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราก็คงจะเข้าไปลงทุนด้วยตัวเองได้ยากมาก ๆ ครับ

 

เสน่ห์อย่างหนึ่งของการลงทุนในพันธบัตร คือการให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ

 

“เบื้องต้นกองทุนให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอประมาณปีละ 4-5%” นั่นคือเป้าหมายของผู้จัดการกองทุน Schroder ISF Global Credit Income ครับ

 

พอเห็นตัวเลขผลตอบแทนที่คาดการณ์ไว้ หลายท่านอาจจะตาลุกวาว เพราะตอนนี้จะเห็นว่าทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาลง ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ๆ

 

ย้ำว่า นี่เป็นเพียงตัวเลขคาดการณ์ครับ แต่ถามว่าเค้าจะทำได้อย่างไร? เหตุผลเป็นเพราะกองนี้ใช้หลักคิดในการลงทุนแบบจัดพอร์ตครับ

 

จากกราฟฟิคจะเห็นชัดเจนว่า เค้ากระจายการลงทุนไปยังพันธบัตรที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกันครับ (อันดับความเชื่อถือ จะแปรผันไปตามผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับครับ)

 

“ภาพรวมพอร์ตส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตรที่รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB, A และ BB” ซึ่งเป็นความน่าเชื่อถือระดับปานกลางไปจนถึงระดับที่ดี

 

แต่ถ้าสังเกตให้ดี กองนี้จะมีบางส่วนที่ลงทุนในอันดับความน่าเชื่อถือที่ไม่สูงมากนักอยู่บ้าง

 

เหตุผลเพราะพันธบัตรที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงผลตอบแทนอาจจะไม่สูงมากนัก เลยจำเป็นต้องมีพันธบัตรที่มีอันดับความน่าเชื่อถือรอง ๆ ลงมา เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับทั้งพอร์ตให้ได้ตามเป้าหมาย

 

โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยคัดเลือก คอยศึกษา และทำการบ้านก่อนเข้าไปลงทุน ทำให้เราสบายใจมากขึ้นครับ

 

นี่ถือว่า เป็นเสน่ห์อีกข้อหนึ่งของกองนี้เลยครับ เพราะ Schroder ISF Global Credit Income มีผู้จัดการกองทุนระดับโลกอยู่ในทีมมากมาย

 

สไตล์การบริหารของกองทุนนี้เป็นแบบ Active ครับ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามภาวะตลาด โดยสามารถปรับเปลี่ยนเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ได้หลากหลายมาก

 

ทั้งพันธบัตรที่ได้รับการจัดอันดับ Investment grade, พันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงหรือตราสารไฮยิลด์ (ความเสี่ยงก็สูงตาม), พันธบัตรในประเทศที่พัฒนาแล้ว, พันธบัตรที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่, พันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น

 

นอกจากนี้ ยังสามารถลงทุนใน พันธบัตรประเภท Asset-backed securities (พันธบัตรที่มีสินทรัพย์หนุนหลัง ผูกไว้อีกทอดหนึ่ง), และพันธบัตรประเภท mortgage-backed Securities (พันธบัตรที่ได้รับกระแสเงินสดจากสินเชื่ออสังหาฯ)

 

แต่ละสินทรัพย์มีข้อดีและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นข้อดียิ่งทำให้ผู้จัดการกองทุนมีตัวเลือกในการลงทุน และมีความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตให้เข้ากับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา

 

“อัตราแลกเปลี่ยน” และ “อัตราดอกเบี้ย” เป็นอีกสองปัจจัยที่มีความผันผวนมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนของคนทั้งโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ

 

“ก่อนหน้านี้ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น แต่สุดท้ายก็เริ่มพลิกกลับมากลายเป็นดอกเบี้ยขาลงในปีล่าสุด” ในขณะที่ค่าเงินบาทเองก็แข็งค่าอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปีที่ผ่านมา

 

และนี่เป็นอีกสองปัจจัยที่ผู้จัดการกองทุนของ Schroder ISF Global Credit Income เห็นความสำคัญและจะวิเคราะห์ บริหารความเสี่ยง เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน ในช่วงตลาดผันผวนทำให้เราลงทุนได้อย่างสบายใจมากขึ้น

 

“ในกระบวนการคัดเลือกสินทรัพย์ที่จะเข้าลงทุน เราคำนึงถึงธีมที่มีศักยภาพในการเติบโตอนาคต” ผู้จัดการกองทุนให้ความเห็นในหนังสือชี้ชวนครับ

 

ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยี disruption, การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร, การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภค, สิ่งแวดล้อม, กฎเกณฑ์ของการลงทุนที่เปลี่ยนไป

 

และใช้หลักการในการเลือกลงทุนแบบ bottom up หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เน้นการวิเคราะห์พื้นฐานของกิจการที่จะเข้าไปลงทุนเป็นหลักครับ โดยจะมองหาว่าบริษัทไหนบ้างที่มีการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์หรือเข้ากับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปได้ดี

 

ทำให้สินทรัพย์ในพอร์ตมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและมีโอกาสเติบโตไปพร้อม ๆ กันได้ครับ

 

ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นในทุก ๆ ปีครับ คำถามคือเราจะลงทุนอย่างไรให้อยู่รอดในภาวะแบบนี้

 

ส่วนตัวมองว่าแนวคิดของกองทุน Schroder ISF Global Credit Income จะเป็นอีกทางเลือกในการเลือกลงทุนได้เช่นกันครับ โดยเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ 3 อย่าง คือ การให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ, จำกัดความเสี่ยงของการลงทุนและการลงทุนอย่างสบายใจ

 

และข้อดีอีกอย่างสำหรับการลงทุนในกองทุนประเภทนี้คือ ช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตภาพรวมในกรณีที่ คุณผู้อ่านยังเน้นการลงทุนในประเทศไทยเป็นหลัก

 

โดยกองทุนนี้มีทีมผู้จัดการกองทุนที่ช่วยกันประเมินความเสี่ยงของแต่ละสถานการณ์การลงทุน และสามารถปรับพอร์ตเพื่อให้เหมาะกับแต่ละสถานการณ์ ทำให้เราลดความกังวลไปได้มากกว่า การที่เราไปลงทุนต่างประเทศด้วยตัวเราเองครับ

 

แต่การลงทุนต่างประเทศก็มีความเสี่ยงเช่นกันก็อย่าลืมศึกษาข้อมูล และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงุทน ก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ

 

#เริ่มต้นวันนี้ดีที่สุดขอให้ทุกท่านโชคดีและมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต #ถามอีกกับอิก #ลงทุนนอกโลก

 

มีหลายเหตุผลที่ทำให้การลงทุนกับ Citigold มีความโดดเด่นครับ

 

อย่างแรก Citigoldเป็นที่ปรึกษาแห่งเดียวในไทยที่สามารถกระจายการลงทุนได้ทั้งในประเทศและลงทุนโดยตรงกับกองทุนรวม และตราสารหนี้ต่างประเทศให้แก่นักลงทุนรายย่อ

 

โดยความเจ๋งคือ เราสามารถลงทุนในกองทุนต่างประเทศ ในเงินสกุลเงินต่างประเทศได้โดยตรงทำให้ลดขั้นตอนการทำธุรกรรมการเงิน และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสองต่อด้วยครับ

นอกจากนี้ Citigold ยังมีกองทุนให้เลือกตามความเสี่ยง และไลฟ์สไตล์ของเราได้มากถึง 180 กองทุน จาก 6 บลจ. ไทยและ18 บลจ. ต่างชาติชั้นนำทั่วโลก (Big Name ทั้งนั้น)

 

ที่สำคัญเป็นการลงทุนโดยตรง ไม่ต้องผ่าน บลจ. ไหน (เช่น เราสามารถซื้อกองทุนได้โดยตรงจาก AllianceBernstein, Allianz Global Investors, Franklin Templeton, PIMCO และ UBS เป็นต้น

 

ข้อ 2: ซื้อตราสารหนี้ต่างประเทศได้โดยตรงจากบริษัทระดับโลก             

 

ราสามารถซื้อตราสารหนี้ต่างประเทศ จากบริษัทชั้นนำกว่า 80 บริษัทได้โดยตรง เช่น Walt Disney, Apple, Coca-cola, Microsoft, Alibaba และ Google Alphabeth  ไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยงผ่านสินทรัพย์อื่น ๆ และสามารถเลือกบริษัทที่ตนเองสนใจได้เลยครับ

 

==============

 

ข้อ 3. รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ที่ได้รับการ training จาก Wharton Global Wealth Institute นอกจากนี้ยังมี TWA (Total Wealth Advisor) ที่เราสามารถร่วมวางแผนการลงทุนกับทีมงาน เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น หากจะวางแผนให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศตอนลูกอายุ 18 ปี ตอนนี้ควรจะเลือกลงทุนกองให้และจำนวนเงินเท่าไหร่ ต่อเดือน/ต่อปีเพื่อ ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้  

 

==============

 

ข้อ 4. ได้รับสิทธิพิเศษด้านการลงทุน และด้านไลฟ์สไตล์ของ Citigold ในทุกที่ที่มีธนาคารซิตี้แบงก์ ด้วยเครือข่าย Global Banking ของธนาคารฯ ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ทั้งการเดินทางและการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ สะดวกสบายมากครับ

 

นอกจากนี้ยังมีบริการอื่นเพิ่มเติมเช่น Citibank Global Wallet ที่ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศของเราสะดวกขึ้น

 

โดยการแลกเงินไว้ในบัญชีสกุลเงินต่างประเทศและนำไปใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิต โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม interchange fee 2.5% โดยรองรับได้มากถึง 8 สกุลเงิน (USD, EUR, HKD, SGD, AUD, CHF, JPY, GBP) สามารถทำได้ง่ายๆผ่าน App Citibank Thailand ทำให้ลดขั้นตอนการทำธุรกรรมการเงิน และลดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนโดยสามารถเลือกแลกเงินเก็บไว้ก่อนในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยดีด้วยครับ

 

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ 02-081-0999

Picture of TAM-EIG

TAM-EIG

2150

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!