แม้ว่าในปัจจุบันมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก แต่ Bloomberg ให้มุมมองว่ายังมีหลายปัจจัยที่แตกต่างจากวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 ได้แก่
อัตราเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อเป็นปัจจัยที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันเงินเฟ้อหลายประเทศพุ่งสูงในระดับหลายสิบปี ไม่ใช่แค่สหรัฐกับยุโรปเท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์ก็เจอภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน ทั้งๆที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่เงินเฟ้อต่ำมาโดยตลอด
การจ้างงาน
แม้ว่าตลาดแรงงานตอนนี้แข็งแรงมากๆ โดยอัตราการว่างงานในสหรัฐในปัจจุบันถือว่าต่ำกว่าเมื่อปี 2008 ค่อนข้างมาก โดยอยู่ที่ 3.6% ในขณะนี้ เทียบกับวิกฤตครั้งก่อนซึ่งสูงถึง 8%
ความตึงเครียดในยุโรป
ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จะเห็นว่าเศรษฐกิจของเยอรมนีเติบโตอย่างมาก ขณะที่ประเทศอื่นๆ กลับย่ำแย่หนัก แต่มาครั้งนี้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกำลังถูกกดดันหนัก ไม่ว่าจะเป็นผลจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงมาก และความยากในการหาแหล่งพลังงานอื่นมาทดแทนก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ล่าสุด ส่งผลให้เยอรมนีขาดดุลการค้า เทียบกับวิกฤตครั้งก่อนที่ยังเกินดุลการค้า
ส่วนต่างอัตราผลตอบแทนที่แคบลง
สำหรับประเทศอื่นๆ ในยุโรป เช่น อิตาลี ยังคงให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าเยอรมนีแต่ในขณะนี้จะเห็นว่าช่องว่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีระหว่างอิตาลีและเยอรมนีแคบลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2012
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ในระดับแย่มากในปัจจุบัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่าหลายๆ ครั้งในวิกฤตที่ผ่านมา เช่นช่วงปี 2006-2007 เองก็มีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้บริโภคพุ่งขึ้นสูงมาก จนกระทั่งนำไปสู่วิกฤตการเงิน
และความเสี่ยงเหล่านี้ก็ยังพุ่งสูงแม้ว่าจะผ่านช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดไปแล้วในปี 2008 แต่ตอนนี้เรายังไม่เห็นความเสี่ยงด้านนี้เท่าใดนัก
ภาคอสังหาริมทรัพย์ฯ
แน่นอนว่าอีกสิ่งนึงที่แตกต่างคือ ภาคอสังหาริมทรัพย์โดยดูได้จาก ราคาบ้านในสหรัฐฯ เริ่มร่วงลงตั้งแต่ปี 2006 ร่วงก่อนที่วิกฤตจะเกิดขึ้นจริงในอดีตเสียอีก ขณะที่ปัจจุบันราคาบ้านเริ่มอ่อนตัวลงบ้างแล้ว แต่ราคาบ้านยังไม่ได้เริ่มเข้าสู่ขาลงเลยครับ
7.ขาดแคลนสิ่งของมากกว่าขาดแคลนเงิน
ในช่วง 10 ปีที่แล้ววิกฤตการเงินครั้งยิ่งใหญ่ ชื่อก็บอกตรงตัวว่าเกิดจากการขาดแคลนเงิน ซึ่งอาจจะเกิดจาการที่ผู้บริโภคและรัฐบาลไม่สามารถชำระหนี้ได้
แต่ปัจจุบันวิกฤตหลักๆแล้วเกิดจากการขาดแคลนสินค้าจริงๆเช่นพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
ทำให้เห็นว่าความมั่งคงพลังงาน คือความมั่งคงทางการเงินรูปแบบใหม่
8.ตลาดทุนเทียบกับตลาดแรงงาน
ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2007 จะเห็นว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ เริ่มสูงขึ้น และหลังจากนั้นดัชนี S&P 500 ก็พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดของช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงิน แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงมาแล้ว 8 เดือน แต่อัตราการว่างงานยังไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น
9.การผลิตภาคอุตสาหกรรมและค่าแรง
การผลิตภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ เริ่มดิ่งลงอย่างหนักเหมือนตกจากหน้าผาตั้งแต่ต้นปี 2008 แต่ในปีนี้ตัวเลขการผลิตในอุตสาหกรรมยังคงพุ่งทำจุดสูงสุดใหม่
10.การปรับขึ้นค่าแรงของคนที่มีรายได้น้อย
ข้อมูลจาก Fed สาขา Atlanta บอกว่า ค่าแรงของคนที่มีรายได้น้อยในสหรัฐฯ ยังคงได้ค่าจ้างสูงขึ้นมากกว่าคนที่มีรายได้สูงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปี 2008 ซึ่งคนที่มีรายได้น้อยถูกกระทบไม่ต่างจากคนที่รายได้สูง เพราะฉะนั้นสถานการณ์แตกต่างกันมาก