ซื้อ กองทุน RMF และ กองทุน Thai ESG เท่าไหร่ดี?

22
ซื้อ กองทุน RMF และ กองทุน Thai ESG เท่าไหร่ดี?

ทุกสิ้นปีเราจะได้ยินคำว่า “รีบใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกันให้ครบ!” แต่พอถึงเวลาจริง หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า… “เราซื้อได้เท่าไหร่ดี?” ปีนี้ผมชวนมาลองเปลี่ยนมุมมองกันดูครับ ⁣

ภาษีไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็น “โอกาสลงทุนให้ตัวเอง” เงินที่ต้องเสียให้รัฐ…เราสามารถเอามา “ต่อยอดให้โตขึ้น” ได้ด้วย กองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี อยากรู้ไหมว่ากองทุน RMF กับกองทุน Thai ESG ต่างกันยังไง?⁣

แล้ววัยคุณควรเริ่มแบบไหน? ลองดูต่อไปครับ เดี๋ยวเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายเลย⁣

#KrungthaiNextInvest #RMF #ThaiESG #TAMEIG

ลองมาดูกันก่อนครับว่า “ซื้อกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี” กับ “ไม่ซื้อเลย” ผลลัพธ์ต่างกันแค่ไหน ⁣

สมมติว่าเรามีเงินเดือนเดือนละ 60,000 บาท และจ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาท⁣

กรณีที่ 1⁣
ลงทุนในกองทุน RMF หรือ Thai ESG เต็มสิทธิ์ 401,000 บาท ผลลัพธ์คือ ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเลย⁣

กรณีที่ 2⁣
ถ้าไม่ซื้อกองทุนเลย ต้องจ่ายภาษีเพิ่มถึง 35,150 บาท ⁣

พูดง่าย ๆ คือ แค่ลงทุนกองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เราก็ ประหยัดภาษีไปได้ 35,150 บาท เงินก้อนนี้ยังเอาไปต่อยอดลงทุนอย่างอื่นได้อีกต่อ ⁣

เห็นแล้วใช่ไหมครับ ว่าการ “วางแผนภาษี” คุ้มกว่าการ “จ่ายภาษีเฉย ๆ” แค่ไหน แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า… แล้ว RMF กับ Thai ESG ต่างกันยังไง? ไปต่อกันหน้าถัดไปครับ

 

กองทุนยอดนิยมตอนนี้มีอยู่ 2 แบบที่คนพูดถึงมากที่สุด คือ RMF (Retirement Mutual Fund) และ Thai ESG (Thailand ESG Fund)

ทั้งคู่ช่วยประหยัดภาษีได้เหมือนกัน แต่มีจุดต่างที่ “เวลา” และ “เป้าหมาย”

ทำความ รู้จัก “Thai ESG”

หรือชื่อเต็มคือ Thailand ESG Fund กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทไทยที่ผ่านเกณฑ์ความยั่งยืน (ESG) คือมีธรรมาภิบาล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบต่อสังคม

สิทธิประโยชน์ทางภาษี:

​ ​ ● ลดได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี

​ ​ ● ซื้อได้สูงสุด 300,000 บาท

​ ​ ● ถืออย่างน้อย 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ นับวันชนวัน)

เหมาะกับใคร:

​ ​ ● คนวัยทำงานทั่วไปที่อยากลดภาษีเร็ว

​ ​ ● คนที่ยังไม่วางแผนเกษียณ แต่อยากให้เงินงอกเงย

​ ​ ● คนรุ่นใหม่ที่อยากลงทุนยั่งยืน

ส่วน “RMF” มีชื่อเต็มว่า Retirement Mutual Fund กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ออกแบบมาให้คนไทย “เก็บเงินเพื่อเกษียณ”

สิทธิประโยชน์ทางภาษี:

​ ​ ● ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี

​ ​ ● ซื้อได้สูงสุด 500,000 บาท (รวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., ประกันบำนาญ)

​ ​ ● ต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีขึ้นไป

เหมาะกับใคร:

​ ​ ● คนที่เริ่มวางแผนเกษียณอย่างจริงจัง

​ ​ ● คนที่อยากใช้ภาษีบังคับออมระยะยาว

เข้าใจก่อนเลือก : RMF กับ Thai ESG ต่างกันยังไง?

RMF เหมาะกับคนที่ “คิดเรื่องเกษียณแล้ว” เพราะต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีขึ้นไป พูดง่าย ๆ คือเป็นกองทุนที่ “ภาษีบังคับให้เราออมเพื่ออนาคต”

ส่วน Thai ESG เหมาะกับคนที่ “อยากใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไว” เพราะถือแค่ 5 ปี วันชนวันก็ขายได้ แถมยังได้สิทธิลดหย่อนเพิ่มอีก 300,000 บาท ซึ่ง “แยกจาก RMF” ถือเป็นกองทุนที่ช่วยทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม และช่วยเรารับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เร็วขึ้นด้วย

แล้วจะเลือกยังไงให้เหมาะกับเรา?

[ถ้าอายุน้อยกว่า 50 ปี]

แนะนำให้เริ่มจาก Thai ESG ก่อนเลยครับ เพราะถือแค่ 5 ปี ขายได้เร็วกว่า ไม่ต้องรอถึงอายุ 55 เหมาะกับคนที่อยากเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และอยากเห็นผลไว แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกวินัยการลงทุน

ตัวอย่าง:
เริ่มลงทุนปีนี้ 2568 → ครบ 5 ปีในปี 2573 ก็ขายได้แล้ว ได้เงินต้นคืน + ผลตอบแทน + ได้ใช้สิทธิสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบ

[ถ้าอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป]

แนะนำให้เริ่มจาก RMF ก่อน เพราะถือครบ 5 ปี ก็จะอายุ 55 พอดี ขายได้เลย เหมาะกับคนที่ใกล้เกษียณ และอยากใช้ภาษีเป็นแรงจูงใจให้ออมช่วงสุดท้ายของวัยทำงาน

ข้อดีอีกอย่างคือ:
RMF สามารถลงทุนได้หลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม ทำให้เราปรับพอร์ตให้เหมาะกับความเสี่ยงของตัวเองได้ตลอดเวลา

[ถ้ามีรายได้สูง]

แนะนำ…ทำทั้งคู่เลย! เพราะสิทธิ์มัน “แยกกัน”

​ ​ ● RMF สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท

​ ​ ● Thai ESG สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท

รวมแล้วเพื่อนๆสามารถสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดถึง 800,000 บาท

เนื่องจากทั้งสองกองทุนช่วยให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เหมือนกัน แต่ “เป้าหมาย” ไม่เหมือนกันครับ

​ ​ ● Thai ESG ถือสั้นกว่า เหมาะกับคนที่อยากใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม

​ ​ ● RMF ถือยาวกว่า เหมาะกับคนที่อยากออมระยะยาวเพื่อเกษียณ

เพราะฉะนั้น…สัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน ลองมาดูแนวทาง “แบ่งพอร์ต” ตามช่วงวัยแบบเข้าใจง่ายกันครับ

[วัยเริ่มต้น (25–35 ปี)]

สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 40 : 60

คนวัยนี้เพิ่งเริ่มทำงาน ภาษียังไม่สูงมาก แต่เวลาอยู่ข้างหน้าอีกยาว — จึงเหมาะกับการ “เริ่มจากกองที่ถือสั้น” ให้ Thai ESG มากกว่า RMF เพราะถือแค่ 5 ปี วันชนวันก็ขายได้ ได้ทั้งรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกวินัยลงทุน

คิดแบบง่าย ๆ คือ เริ่มจากกองที่ถือไม่นาน เห็นผลเร็วก่อน แล้วค่อยต่อยอดด้วย RMF ทีหลัง

[วัยทำงานเต็มตัว (36–50 ปี)]

สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 60 : 40

วัยนี้รายได้เริ่มสูง ภาษีเริ่มเยอะ ถึงเวลาต้องวางแผนเกษียณจริงจังแล้วครับ เพิ่มสัดส่วน RMF ให้มากขึ้น เพราะกองนี้จะช่วย “เก็บเงินยาว” และให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เยอะ แต่ยังไม่ต้องทิ้ง Thai ESG นะครับ ใช้ Thai ESG อีก 40% เพื่อให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ครบ และเพิ่มโอกาสผลตอบแทนระยะกลางด้วย พูดง่าย ๆ คือ ให้ RMF เป็น “เงินเก็บเพื่ออนาคต” ส่วน Thai ESG เป็น “ตัวช่วยให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและรับโอกาสสร้างผลตอบแทน”

[วัยมั่นคง ใกล้เกษียณ (50 ปีขึ้นไป)]

สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 80 : 20

วัยนี้ต้องเน้นความมั่นคง และใช้สิทธิ์ให้ครบทุกบาท เริ่มจาก RMF เต็มสิทธิ์ก่อน เพราะถือครบ 5 ปี ก็จะอายุ 55 ปีพอดี ขายได้เลย ส่วน Thai ESG ใช้เพียงบางส่วนเพื่อเพิ่มสิทธิลดภาษีอีก 300,000 บาท

สรุปคือ ให้ RMF เป็น “พอร์ตหลัก” ของการเกษียณ ส่วน Thai ESG เป็น “พอร์ตเสริม” ที่ช่วยให้ SAVE ภาษี มากขึ้น

กองทุนแนะนำเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหมาะกับแต่ละวัย เลือกให้ถูกช่วงชีวิต ลงทุนให้คุ้มทุกสิทธิ์ กับ Krungthai NEXT INVEST

ไม่ว่าเพื่อนๆจะอายุเท่าไหร่ ก็สามารถ “เลือกกองทุนให้เหมาะกับวัย” ได้เพราะแต่ละช่วงชีวิต มีเป้าหมายการเงิน และความเสี่ยงที่ต่างกัน

วันนี้ผมเลยรวม “กองทุนแนะนำ” จาก Krungthai NEXT INVEST ทั้งกองทุน RMF และกองทุน Thai ESG ​ มาให้ครบทุกวัย ลงทุนง่ายผ่านแอป Krungthai NEXT

[วัยเริ่มต้น (25–35 ปี)]

“เริ่มเร็ว ได้เปรียบ” วัยนี้เพิ่งเริ่มทำงาน ยังมีเวลาลงทุนอีกยาว จุดสำคัญคือ “สร้างวินัย” และ “ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ”

กองทุนแนะนำ:

​ ​ ● RMF: KT-WEQ RMF — กองทุนหุ้นทั่วโลก เน้นบริษัทชั้นนำ โอกาสเติบโตระยะยาว

​ ​ ● Thai ESG: KTESG50-ThaiESG — กองทุนหุ้นไทย ESG50 ลงทุนในหุ้นใหญ่ยั่งยืน

เหมาะกับคนที่อยากเห็นพอร์ตมีโอกาสเติบโต พร้อมฝึกออมให้เป็นนิสัย

[วัยกลาง (36–50 ปี)]

“ภาษีเยอะขึ้น แต่โอกาสก็เยอะขึ้นเหมือนกัน” รายได้ช่วงนี้มักอยู่ในขั้นสูง ภาษีก็เริ่มเพิ่ม ดังนั้นจึงควรลงทุนแบบ “บาลานซ์” — กระจายความเสี่ยงทั้งหุ้นและตราสารหนี้

กองทุนแนะนำ:

​ ​ ● RMF: KTWC-MODERATE RMF — พอร์ตผสมทั่วโลก กระจายการลงทุนแบบสมดุล ความเสี่ยงระดับกลาง

​ ​ ● Thai ESG: KTAG70/30-ThaiESG — กองทุน ESG ผสมหุ้น 70% ตราสารหนี้ 30%

เน้นเติบโตแบบไม่เสี่ยงสุด เหมาะกับคนวัยทำงานที่อยาก Save ภาษีและเตรียมเกษียณไปพร้อมกัน

[วัยมั่นคง (50 ปีขึ้นไป)]

“ใกล้เกษียณ อยากมั่นใจและปลอดภัย” วัยนี้ต้องเน้น “ความมั่นคง” และ “ใช้สิทธิ์ให้ครบทุกบาท” เพราะอีกไม่กี่ปีก็จะถึงช่วงเกษียณ

กองทุนแนะนำ:

​ ​ ● RMF: RMF4 — กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับคนที่ต้องการความมั่นคง

​ ​ ● Thai ESG: KTESGSI-ThaiESG — กองทุนตราสารหนี้ ESG ลงทุนในพันธบัตรคุณภาพดี

เหมาะกับผู้ที่อยากรักษาเงินต้น พร้อมได้สิทธิ์ทาง สิทธิลดภาษีเต็ม ๆ ก่อนเกษียณ

อยากเปลี่ยนพอร์ต? ทำได้! ไม่เสียสิทธิ์ภาษี

หลายคนยังไม่รู้ว่า…กองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทาง ภาษีอย่าง RMF หรือ Thai ESG สามารถ “สับเปลี่ยนกองได้” โดยไม่เสียสิทธิ์ภาษี

เพียงแต่ต้องเป็นกองประเภทเดียวกันเช่น RMF ก็ต้องสับเปลี่ยนกับ RMF ​ ถ้า Thai ESG ก็จะสับเปลี่ยนกับ Thai ESG

เช่น จาก กองทุนเปิดกรุงไทยตลาดเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF4 ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐคุณภาพดี มั่นคงสูง ในอนาคตเราก็สามารถสับเปลี่ยนกองทุนเป็น กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ KT-WEQ RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดีทั่วโลก

หรือ กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) KTESGSI-ThaiESG เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ในอนาคตเราก็สามารถสับเปลียนเป็น กองทุนเปิดกรุงไทย ESG50 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน)

KTESG50-ThaiESG เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ตัวท็อปกลุ่ม ESG

แบบนี้คือยังได้สิทธิทางภาษีเหมือนเดิม แต่ “พอร์ตเรามีโอกาสโตขึ้น” เพราะปรับให้เข้ากับสภาวะตลาดได้ทัน

เช่นถ้าดอกเบี้ยลง หุ้นขึ้น? ก็โยกบางส่วนจากตราสารหนี้ไปหาหุ้นได้เลย เราก็จะได้สิทธิ์ทางภาษีเหมือนเดิม และได้โอกาสสร้างผลตอบแทนได้ด้วย

ลงทุนง่ายมาก ผ่านแอป Krungthai NEXT

เข้าไปที่เมนู NEXT Invest จะมีทั้ง RMF และ Thai ESG ให้เลือกครบ

พร้อมโปรพิเศษ

🎁 รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS-A สูงสุด 1,600 บาท* และใช้คะแนน KTC Forever 1,000 คะแนน = เงินลงทุน 100 บาท

*หมายเหตุ : เมื่อลงทุนกองทุน Thai ESG ​ เต็มจำนวน 300,000 บาท และกองทุน RMF เต็มจำนวน 500,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 68 *ยกเว้น กองทุน KTESGSI-ThaiESG ,RMF2, RMF3, RMF4 ที่ไม่ร่วมรายการ | เงื่อนไขเป็นไปตามที่ KTB , KTAM และ KTC กำหนด | ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESG และ RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน | ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา

อย่าปล่อยให้สิทธิ์ทางภาษีของเพื่อนๆหายไปฟรี ๆ เพราะเงินก้อนนั้นคือ “ต้นทุนของอนาคต” ที่เพื่อนๆสร้างเองได้

วางแผนดี ภาษีไม่แรง กองทุนแนะนำจาก บลจ.กรุงไทย ความเสี่ยงแบบไหน มีครบ เลือกได้ กับ Krungthai NEXT INVEST

📞 CALL CENTER 02 686 6100

🌐 www.ktam.co.th

📞 CALL CENTER 02 111 1111

🌐 https://krungthai.com/th/personal

คำเตือน: กองทุน KT-WEQ RMF และ KTWC-MODERATE RMF มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน | ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ | ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESG และ RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน | ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา

#KrungthaiNextInvest #RMF #ThaiESG #TAMEIG

Picture of TAM-EIG

TAM-EIG

22

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!