
ทุกสิ้นปีเราจะได้ยินคำว่า “รีบใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกันให้ครบ!” แต่พอถึงเวลาจริง หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า… “เราซื้อได้เท่าไหร่ดี?” ปีนี้ผมชวนมาลองเปลี่ยนมุมมองกันดูครับ
ภาษีไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็น “โอกาสลงทุนให้ตัวเอง” เงินที่ต้องเสียให้รัฐ…เราสามารถเอามา “ต่อยอดให้โตขึ้น” ได้ด้วย กองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี อยากรู้ไหมว่ากองทุน RMF กับกองทุน Thai ESG ต่างกันยังไง?
แล้ววัยคุณควรเริ่มแบบไหน? ลองดูต่อไปครับ เดี๋ยวเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายเลย
#KrungthaiNextInvest #RMF #ThaiESG #TAMEIG

ลองมาดูกันก่อนครับว่า “ซื้อกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี” กับ “ไม่ซื้อเลย” ผลลัพธ์ต่างกันแค่ไหน
สมมติว่าเรามีเงินเดือนเดือนละ 60,000 บาท และจ่ายประกันสังคมปีละ 9,000 บาท
กรณีที่ 1
ลงทุนในกองทุน RMF หรือ Thai ESG เต็มสิทธิ์ 401,000 บาท ผลลัพธ์คือ ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเลย
กรณีที่ 2
ถ้าไม่ซื้อกองทุนเลย ต้องจ่ายภาษีเพิ่มถึง 35,150 บาท
พูดง่าย ๆ คือ แค่ลงทุนกองทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เราก็ ประหยัดภาษีไปได้ 35,150 บาท เงินก้อนนี้ยังเอาไปต่อยอดลงทุนอย่างอื่นได้อีกต่อ
เห็นแล้วใช่ไหมครับ ว่าการ “วางแผนภาษี” คุ้มกว่าการ “จ่ายภาษีเฉย ๆ” แค่ไหน แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า… แล้ว RMF กับ Thai ESG ต่างกันยังไง? ไปต่อกันหน้าถัดไปครับ

กองทุนยอดนิยมตอนนี้มีอยู่ 2 แบบที่คนพูดถึงมากที่สุด คือ RMF (Retirement Mutual Fund) และ Thai ESG (Thailand ESG Fund)
ทั้งคู่ช่วยประหยัดภาษีได้เหมือนกัน แต่มีจุดต่างที่ “เวลา” และ “เป้าหมาย”
ทำความ รู้จัก “Thai ESG”
หรือชื่อเต็มคือ Thailand ESG Fund กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทไทยที่ผ่านเกณฑ์ความยั่งยืน (ESG) คือมีธรรมาภิบาล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบต่อสังคม
สิทธิประโยชน์ทางภาษี:
● ลดได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี
● ซื้อได้สูงสุด 300,000 บาท
● ถืออย่างน้อย 5 ปี (นับจากวันที่ซื้อ นับวันชนวัน)
เหมาะกับใคร:
● คนวัยทำงานทั่วไปที่อยากลดภาษีเร็ว
● คนที่ยังไม่วางแผนเกษียณ แต่อยากให้เงินงอกเงย
● คนรุ่นใหม่ที่อยากลงทุนยั่งยืน
ส่วน “RMF” มีชื่อเต็มว่า Retirement Mutual Fund กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ออกแบบมาให้คนไทย “เก็บเงินเพื่อเกษียณ”
สิทธิประโยชน์ทางภาษี:
● ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี
● ซื้อได้สูงสุด 500,000 บาท (รวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., ประกันบำนาญ)
● ต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีขึ้นไป
เหมาะกับใคร:
● คนที่เริ่มวางแผนเกษียณอย่างจริงจัง
● คนที่อยากใช้ภาษีบังคับออมระยะยาว

เข้าใจก่อนเลือก : RMF กับ Thai ESG ต่างกันยังไง?
RMF เหมาะกับคนที่ “คิดเรื่องเกษียณแล้ว” เพราะต้องลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี และขายได้เมื่ออายุครบ 55 ปีขึ้นไป พูดง่าย ๆ คือเป็นกองทุนที่ “ภาษีบังคับให้เราออมเพื่ออนาคต”
ส่วน Thai ESG เหมาะกับคนที่ “อยากใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีไว” เพราะถือแค่ 5 ปี วันชนวันก็ขายได้ แถมยังได้สิทธิลดหย่อนเพิ่มอีก 300,000 บาท ซึ่ง “แยกจาก RMF” ถือเป็นกองทุนที่ช่วยทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม และช่วยเรารับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เร็วขึ้นด้วย
แล้วจะเลือกยังไงให้เหมาะกับเรา?
[ถ้าอายุน้อยกว่า 50 ปี]
แนะนำให้เริ่มจาก Thai ESG ก่อนเลยครับ เพราะถือแค่ 5 ปี ขายได้เร็วกว่า ไม่ต้องรอถึงอายุ 55 เหมาะกับคนที่อยากเริ่มใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และอยากเห็นผลไว แถมยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกวินัยการลงทุน
ตัวอย่าง:
เริ่มลงทุนปีนี้ 2568 → ครบ 5 ปีในปี 2573 ก็ขายได้แล้ว ได้เงินต้นคืน + ผลตอบแทน + ได้ใช้สิทธิสิทธิประโยชน์ทางภาษีครบ
[ถ้าอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป]
แนะนำให้เริ่มจาก RMF ก่อน เพราะถือครบ 5 ปี ก็จะอายุ 55 พอดี ขายได้เลย เหมาะกับคนที่ใกล้เกษียณ และอยากใช้ภาษีเป็นแรงจูงใจให้ออมช่วงสุดท้ายของวัยทำงาน
ข้อดีอีกอย่างคือ:
RMF สามารถลงทุนได้หลากหลาย ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนผสม ทำให้เราปรับพอร์ตให้เหมาะกับความเสี่ยงของตัวเองได้ตลอดเวลา
[ถ้ามีรายได้สูง]
แนะนำ…ทำทั้งคู่เลย! เพราะสิทธิ์มัน “แยกกัน”
● RMF สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุด 500,000 บาท
● Thai ESG สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท
รวมแล้วเพื่อนๆสามารถสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้สูงสุดถึง 800,000 บาท

เนื่องจากทั้งสองกองทุนช่วยให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เหมือนกัน แต่ “เป้าหมาย” ไม่เหมือนกันครับ
● Thai ESG ถือสั้นกว่า เหมาะกับคนที่อยากใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม
● RMF ถือยาวกว่า เหมาะกับคนที่อยากออมระยะยาวเพื่อเกษียณ
เพราะฉะนั้น…สัดส่วนที่เหมาะสมของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน ลองมาดูแนวทาง “แบ่งพอร์ต” ตามช่วงวัยแบบเข้าใจง่ายกันครับ
[วัยเริ่มต้น (25–35 ปี)]
สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 40 : 60
คนวัยนี้เพิ่งเริ่มทำงาน ภาษียังไม่สูงมาก แต่เวลาอยู่ข้างหน้าอีกยาว — จึงเหมาะกับการ “เริ่มจากกองที่ถือสั้น” ให้ Thai ESG มากกว่า RMF เพราะถือแค่ 5 ปี วันชนวันก็ขายได้ ได้ทั้งรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการฝึกวินัยลงทุน
คิดแบบง่าย ๆ คือ เริ่มจากกองที่ถือไม่นาน เห็นผลเร็วก่อน แล้วค่อยต่อยอดด้วย RMF ทีหลัง
[วัยทำงานเต็มตัว (36–50 ปี)]
สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 60 : 40
วัยนี้รายได้เริ่มสูง ภาษีเริ่มเยอะ ถึงเวลาต้องวางแผนเกษียณจริงจังแล้วครับ เพิ่มสัดส่วน RMF ให้มากขึ้น เพราะกองนี้จะช่วย “เก็บเงินยาว” และให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เยอะ แต่ยังไม่ต้องทิ้ง Thai ESG นะครับ ใช้ Thai ESG อีก 40% เพื่อให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้ครบ และเพิ่มโอกาสผลตอบแทนระยะกลางด้วย พูดง่าย ๆ คือ ให้ RMF เป็น “เงินเก็บเพื่ออนาคต” ส่วน Thai ESG เป็น “ตัวช่วยให้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีและรับโอกาสสร้างผลตอบแทน”
[วัยมั่นคง ใกล้เกษียณ (50 ปีขึ้นไป)]
สัดส่วนแนะนำ: RMF : Thai ESG = 80 : 20
วัยนี้ต้องเน้นความมั่นคง และใช้สิทธิ์ให้ครบทุกบาท เริ่มจาก RMF เต็มสิทธิ์ก่อน เพราะถือครบ 5 ปี ก็จะอายุ 55 ปีพอดี ขายได้เลย ส่วน Thai ESG ใช้เพียงบางส่วนเพื่อเพิ่มสิทธิลดภาษีอีก 300,000 บาท
สรุปคือ ให้ RMF เป็น “พอร์ตหลัก” ของการเกษียณ ส่วน Thai ESG เป็น “พอร์ตเสริม” ที่ช่วยให้ SAVE ภาษี มากขึ้น

กองทุนแนะนำเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เหมาะกับแต่ละวัย เลือกให้ถูกช่วงชีวิต ลงทุนให้คุ้มทุกสิทธิ์ กับ Krungthai NEXT INVEST
ไม่ว่าเพื่อนๆจะอายุเท่าไหร่ ก็สามารถ “เลือกกองทุนให้เหมาะกับวัย” ได้เพราะแต่ละช่วงชีวิต มีเป้าหมายการเงิน และความเสี่ยงที่ต่างกัน
วันนี้ผมเลยรวม “กองทุนแนะนำ” จาก Krungthai NEXT INVEST ทั้งกองทุน RMF และกองทุน Thai ESG มาให้ครบทุกวัย ลงทุนง่ายผ่านแอป Krungthai NEXT
[วัยเริ่มต้น (25–35 ปี)]
“เริ่มเร็ว ได้เปรียบ” วัยนี้เพิ่งเริ่มทำงาน ยังมีเวลาลงทุนอีกยาว จุดสำคัญคือ “สร้างวินัย” และ “ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ”
กองทุนแนะนำ:
● RMF: KT-WEQ RMF — กองทุนหุ้นทั่วโลก เน้นบริษัทชั้นนำ โอกาสเติบโตระยะยาว
● Thai ESG: KTESG50-ThaiESG — กองทุนหุ้นไทย ESG50 ลงทุนในหุ้นใหญ่ยั่งยืน
เหมาะกับคนที่อยากเห็นพอร์ตมีโอกาสเติบโต พร้อมฝึกออมให้เป็นนิสัย
[วัยกลาง (36–50 ปี)]
“ภาษีเยอะขึ้น แต่โอกาสก็เยอะขึ้นเหมือนกัน” รายได้ช่วงนี้มักอยู่ในขั้นสูง ภาษีก็เริ่มเพิ่ม ดังนั้นจึงควรลงทุนแบบ “บาลานซ์” — กระจายความเสี่ยงทั้งหุ้นและตราสารหนี้
กองทุนแนะนำ:
● RMF: KTWC-MODERATE RMF — พอร์ตผสมทั่วโลก กระจายการลงทุนแบบสมดุล ความเสี่ยงระดับกลาง
● Thai ESG: KTAG70/30-ThaiESG — กองทุน ESG ผสมหุ้น 70% ตราสารหนี้ 30%
เน้นเติบโตแบบไม่เสี่ยงสุด เหมาะกับคนวัยทำงานที่อยาก Save ภาษีและเตรียมเกษียณไปพร้อมกัน
[วัยมั่นคง (50 ปีขึ้นไป)]
“ใกล้เกษียณ อยากมั่นใจและปลอดภัย” วัยนี้ต้องเน้น “ความมั่นคง” และ “ใช้สิทธิ์ให้ครบทุกบาท” เพราะอีกไม่กี่ปีก็จะถึงช่วงเกษียณ
กองทุนแนะนำ:
● RMF: RMF4 — กองทุนตราสารหนี้ภาครัฐ ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับคนที่ต้องการความมั่นคง
● Thai ESG: KTESGSI-ThaiESG — กองทุนตราสารหนี้ ESG ลงทุนในพันธบัตรคุณภาพดี
เหมาะกับผู้ที่อยากรักษาเงินต้น พร้อมได้สิทธิ์ทาง สิทธิลดภาษีเต็ม ๆ ก่อนเกษียณ

อยากเปลี่ยนพอร์ต? ทำได้! ไม่เสียสิทธิ์ภาษี
หลายคนยังไม่รู้ว่า…กองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทาง ภาษีอย่าง RMF หรือ Thai ESG สามารถ “สับเปลี่ยนกองได้” โดยไม่เสียสิทธิ์ภาษี
เพียงแต่ต้องเป็นกองประเภทเดียวกันเช่น RMF ก็ต้องสับเปลี่ยนกับ RMF ถ้า Thai ESG ก็จะสับเปลี่ยนกับ Thai ESG
เช่น จาก กองทุนเปิดกรุงไทยตลาดเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF4 ที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐคุณภาพดี มั่นคงสูง ในอนาคตเราก็สามารถสับเปลี่ยนกองทุนเป็น กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ KT-WEQ RMF ที่เน้นลงทุนหุ้นพื้นฐานดีทั่วโลก
หรือ กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน) KTESGSI-ThaiESG เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ในอนาคตเราก็สามารถสับเปลียนเป็น กองทุนเปิดกรุงไทย ESG50 (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน)
KTESG50-ThaiESG เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ตัวท็อปกลุ่ม ESG
แบบนี้คือยังได้สิทธิทางภาษีเหมือนเดิม แต่ “พอร์ตเรามีโอกาสโตขึ้น” เพราะปรับให้เข้ากับสภาวะตลาดได้ทัน
เช่นถ้าดอกเบี้ยลง หุ้นขึ้น? ก็โยกบางส่วนจากตราสารหนี้ไปหาหุ้นได้เลย เราก็จะได้สิทธิ์ทางภาษีเหมือนเดิม และได้โอกาสสร้างผลตอบแทนได้ด้วย

ลงทุนง่ายมาก ผ่านแอป Krungthai NEXT
เข้าไปที่เมนู NEXT Invest จะมีทั้ง RMF และ Thai ESG ให้เลือกครบ
พร้อมโปรพิเศษ
🎁 รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS-A สูงสุด 1,600 บาท* และใช้คะแนน KTC Forever 1,000 คะแนน = เงินลงทุน 100 บาท
*หมายเหตุ : เมื่อลงทุนกองทุน Thai ESG เต็มจำนวน 300,000 บาท และกองทุน RMF เต็มจำนวน 500,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. – 30 ธ.ค. 68 *ยกเว้น กองทุน KTESGSI-ThaiESG ,RMF2, RMF3, RMF4 ที่ไม่ร่วมรายการ | เงื่อนไขเป็นไปตามที่ KTB , KTAM และ KTC กำหนด | ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน Thai ESG และ RMF ก่อนการตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษีจะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน | ขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา





