“คุณพ่อของผมเป็นคนที่ใสใจทุกรายละเอียดครับ” สตีฟ จ๊อบส์ ศาสดาผู้เปลี่ยนโลกเคยเล่าให้สื่อสหรัฐฟังเมื่อถูกถามว่า ใครที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของคุณบ้าง
“คุณพ่อเป็นคนที่ชอบสร้างอะไรขึ้นมาด้วยตัวของเค้าเอง” “ถ้าอยากได้ตู้ ก็จะสร้างตู้ขึ้นมาเอง ถ้าอยากได้รั้วบ้าน เค้าก็จะสร้างขึ้นเองเช่นกัน” สตีฟ จ๊อบส์ กล่าวอย่างชื่นชมครับ
เค้าเล่าต่อว่า โดยทั่วไปแล้วช่างไม้ส่วนใหญ่ชอบใช้แผ่นไม้ข้างหลังตู้ เป็นไม้ราคาถูกเพื่อลดต้นทุน แต่คุณพ่อของเค้าเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้น
“คุณพ่อจะใช้วัสดุที่ดีทุกอย่าง เค้าใส่ใจทุกรายละเอียด แม้ว่าจะเป็นส่วนที่คนอื่นมองไม่เห็นก็ตาม”
ใครจะไปคิดละครับว่า ประโยคนี้ประโยคเดียวจะกลายเป็นปรัชญาที่สตีฟ จ๊อบส์ ยึดถือมาโดยตลอด และสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ดีไซน์สวยงาม โดนใจสาวกอย่างมาก จนสร้างอาณาจักรธุรกิจที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกในยุคนี้
=====================
วันก่อนผมมีนัดกับ คุณป๋อง ชยภัทร ทองเจริญ นักธุรกิจหนุ่ม เจ้าของธุรกิจนำเข้าเฟรนช์ฟรายส์ ปรุงรส ชื่อดังระดับโลกจากประเทศฟิลิปปินส์ “โปเตโต้ คอร์เนอร์ (Potato Corner)”
เรานั่งคุยกันประมาณเกือบชม. แต่ผมว่าเฟรนช์ฟรายส์น่าจะหมดไปประมาณ 3 ถังละครับ คือต้องบอกว่า หยุดไม่ได้จริงๆ เคี้ยวเพลินสุด ๆ
อร่อยขนาดนี้ไม่แปลกใจละครับว่า ทำไมโปเตโต้ คอร์เนอร์ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ตอนนี้มีแล้วกว่า 20 สาขาทั่วประเทศ (เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงแซงทางโค้งรุ่นพี่ไปหลายแบรนด์)
“ผมยืนยันว่า ความสำเร็จของแบรนด์เราไม่ใช่เพราะ พีช พชร อย่างเดียว แต่เป็นเพราะทีมงานทุกคนทำงานหนักใส่ใจทุกรายละเอียด ตามหน้าที่ของตัวเองครับ” คุณป๋องเกริ่น เพราะหลายคนน่าจะทราบแล้วว่า คุณพีช พชร นักแสดงชื่อดังเองก็เป็นหุ้นส่วนในธุรกิจนี้เช่นกันครับ
=====================
“หลายคนเห็นโอกาสในตลาด มองออกว่าอะไรที่น่าจะขายได้ แต่พอเปิดมากลับไม่ปังอย่างที่คิด ทำให้ต้องปิดกิจการไปหลายแห่ง อะไรที่ทำให้ธุรกิจคุณจะไม่เป็นอย่างนั้น” ผมยิงคำถามที่คาใจมานานแล้วครับ
1. รู้จักผู้บริโภคให้ดี เหมือนรู้จักตัวเอง
คุณป๋อง เล่าให้ฟังอย่างมั่นใจว่า อย่างแรกเลย คุณต้องเข้าใจตลาดก่อนครับ “คนไทยจริงๆแล้วชอบทานเฟรนช์ฟรายส์นะ เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดในร้านฟาสต์ฟู้ด แต่ไม่มีรสชาติอะไรแปลกใหม่ เคยทานยังไงในอดีต ตอนนี้ก็ทานแบบเดิมๆ”
เหมือนโชคชะตาฟ้าลิขิตครับ ที่เพื่อนของคุณป๋องที่เป็นชาว ฟิลิปปินส์ แนะนำให้รู้จัก โปเตโต้ คอร์เนอร์ (ปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ปานามา อินโดนีเซีย รวม 900 สาขา)
ทันทีที่ลองทานเท่านั้นแหละครับ คุณป๋องฟันธงเลยว่า นี่แหละคือสินค้าที่น่าจะเหมาะกับคนไทยก็เลยติดต่อเพื่อนำเข้ามาขายในเมืองไทยครับ
=====================
2. เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
คุณป๋องเล่าให้ฟังอย่างกระตือรือร้นว่า โปเตโต้ คอร์เนอร์ ในฟิลิปปินส์ ขายในห้างแต่จะเป็นบูธเล็กๆ แต่ก็ขายดีมาก แต่ในเมืองไทยจะทำอย่างนั้นไม่ได้
“เราต้องการให้โปเตโต้ คอร์เนอร์ เป็นเฟรช์ฟรายส์ พรีเมียม” “ลูกค้าจะกล้ามาซื้อในราคา 79 บาท เราก็ต้องให้ประสบการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า”
ถ้าไปตามสาขาต่างๆจะเห็นเลยว่า เค้าตกแต่งแบบจัดหนักจัดเต็ม ดูดี สีสันเขียว-เหลือง สดใส เตะตาอย่างมากครับ
นอกจากนี้ยังปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทยอีกด้วย “โปเตโต้ คอร์เนอร์ในไทย เป็นประเทศแรก และประเทศเดียวที่มีรสลาบ”
คุณป๋องเห็นโอกาสจากการที่สังเกตว่าคนไทยชอบทานลาบ เลยลองทำวิจัย ทดลองขาย และพอเห็นรอยยิ้มของลูกค้าก็เลยมั่นใจว่าขายได้แน่ๆ ก็เลยเริ่มขายเลยครับ
=====================
3. การตั้งราคา ไม่ใช่แค่กำหนดตัวเลข
“ที่นี่ขาย ราคา 39, 59, 79, 129 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด” คุณป๋องเล่าให้ฟังต่อครับ
แน่นอนครับ เลข “9” เตะตาผมอย่างมากเลยถามว่ามีสูตรในการตั้งราคายังไง
คุณป๋องตอบคำถามผมอย่างไม่ลังเลว่า “ความรู้สึกมันต่างนะ เช่น เราเริ่มต้นราคา 39 บาท มันให้ความรู้สึกดีมากเวลาที่เราจ่ายแบงค์ 20 จำนวน 2 ใบแล้วได้เงินทอน”
อีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่ได้ตั้งราคาแพงเกินไป คือ อยากให้เป็นเฟรนช์ฟรายส์ ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เป็นเฟรนช์ฟรายส์ ที่ทานแล้วสนุก กินกันทั้งครอบครัว เป็นความสุขของการทำธุรกิจครับ
=====================
4. ใช้เงินการตลาดให้คุ้มค่า
กลุ่มลูกค้าที่ โปเตโต้ คอร์เนอร์ เลือกทำตลาดก่อนคือ กลุ่มวัยรุ่นครับ เพราะเป็นกลุ่มที่ชอบแชร์ ชอบบอกต่อๆกันไป โดยเน้นทำการตลาดออนไลน์
ถ้าได้ใจกลุ่มนี้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการตลาดได้มาก เพราะเค้าจะโพสต์ Like comment share ทำให้แบรนด์ติดตลาดได้เร็วขึ้น
=====================
5. ซื้อบ้านยังต้องดูหวงจุ้ย เลือกร้านต้องเลือกทำเลให้ดี
โปเตโต้ คอร์เนอร์ พิถีพิถันในการเลือกทำเลอย่างมากครับ “ถ้าจำเป็นต้องรอ 3 เดือน เพื่อให้ได้พื้นที่ที่ดี ผมก็จะรอครับ” (เพราะถ้าเลือกทำเลผิด ชีวิตเปลี่ยนเลยนะครับ)
ในมุมมองของคุณป๋อง ทำเลที่เหมาะสำหรับโปเตโต้ คอร์เนอร์ คือ พื้นที่เกาะกลางของห้างครับ เพราะเฟรนช์ฟรายส์ เป็นสินค้าที่ “impulse buying” เห็นแล้วต้องอยากทานทันที (เขียนมาขนาดนี้ น้ำลายสอ เลยละครับ)
เป็นทำเลที่ใครผ่านไป ผ่านมา ก็เห็นได้จากทุกทิศทุกทาง เห็นโลโก้รอบร้านมากที่สุด มองว่าวิธีนี้ทรงพลังมากกว่าโฆษณาช่องทางอื่นเสียอีกครับ
========
6. ชมตัวเอง ไม่เท่ากับคนอื่นชม
“แบรนด์ส่วนใหญ่จะบอกว่า สินค้าของตัวเองดีที่สุดในโลก แต่เราไม่อยากพูดตั้งแต่แรก แต่เราอยากให้สินค้า พูดด้วยตัวของมันเอง ลูกค้าจะเชื่อมากกว่า”
คุณป๋อง เล่าให้ผมฟังต่อว่า วัตถุดิบเป็นเกรดพรีเมียม ส่งตรงนำเข้าจากประเทศเบลเยียม ภายใต้การควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม ถ้าลูกค้ามองว่า เฟรนช์ฟรายส์ไม่สด ไม่กรอบ ลูกค้าก็สามารถขอเปลี่ยนใหม่ได้ทันที เพื่อการันตีคุณภาพ
“ในเมื่อลูกค้ายอมจ่ายราคาสูง เราก็ต้องให้สิ่งที่ perfect สมบูรณ์แบบที่สุด” นี่คือคำยืนยันของนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงคนนี้ครับ
เรื่องคุณภาพของสินค้า สำคัญมากและมีผลต่อการขยายกิจการด้วยครับ สังเกตไหมครับว่า หลายแบรนด์พอเริ่มโด่งดัง ก็จะเร่งขยายสาขาจนทำให้คุณภาพลดลง ทำให้ในท้ายที่สุดก็ไปไม่รอด
“ถ้าคุณภาพไม่ 100% เราจะไม่ขยายสาขา ต่อให้กระแสมาแรง เราก็จะยังไม่ขยาย” คุณป๋องบอกทิ้งท้ายที่ฟังดูแล้ว ต้องบอกเลยครับว่า ผู้บริหารทีมนี้ไม่ธรรมดาครับ
======
ความเห็นของ “ถามอีกกับอิก เรื่องลงทุน”
ผมมองว่า โปเตโต้ คอร์เนอร์ ไม่เพียงแต่สามารถทำให้สินค้าติดตลาดได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ mindset การทำธุรกิจของคุณป๋องและทีมงาน เป็นแนวคิดที่ไม่ได้ทำธุรกิจแบบฉาบฉวย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จระยะยาว
สังเกตไหมครับ ว่าทีมนี้เค้า “ใส่ใจทุกรายละเอียด” เก็บทุกเม็ด ตั้งแต่คุณภาพสินค้า หรือหลักการทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ผมเชื่อว่า การทีเราใส่ใจรายละเอียดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ วันละเล็กวันละน้อย ถึงจุดนึงเราก็จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและได้ใจลูกค้าไปตลอดกาลครับ