สรุป Opp Day บมจ.ซาบีน่า (SABINA) สำหรับ Q1 2561
Facebook page: ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPTtm
===========
Sabina เค้าทำธุรกิจอะไรนะครับ?
พูดง่ายๆว่า Sabina คือหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่าย ชุดชั้นในของผู้หญิง สัญชาติไทย (แต่ผู้บริหารเป็นผู้ชาย ทั้งนั้นเลยนะค้าบบบบบ)
1. ออกแบบ ผลิตชุดชั้นในภายใต้เครื่องหมายการค้า Sabina ซึ่งมีหลาย collection ที่สาวๆไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดีครับ ทั้ง Doomm Doomm, soft Doomm, Sabinie ตอบสนองความต้องการของสาวๆทุกวัย และทุกความต้องการเลยนะครับ (อ่านชื่อดูก็รู้แล้วนะครับว่า ชุดชั้นในแต่ละรุ่นอยากจะช่วยอะไร)
2. ธุรกิจออกแบบ ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในตามคำสั่งของลูกค้าซึ่งเป็นผุ้จำหน่ายชุดชั้นในต่างประเทศหรือ OEM เช่น ในอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ยุโรป รัสเซีย และสแกนดิเนเวีย (เค้าไม่ได้ถนัดแค่แบบ คนเอเชียนะค้าบบบ)
ตอนนี้มีโรงงาน 5 แห่งอยู่ที่ ชัยนาท, บุรีรัมย์, ยโสธร (มีกำลังการผลิตสูงสุด), ท่าพระ,พุทธมณฑล สาย 5
ตอนนี้ใช้กำลังการผลิต 90% แต่ยังไม่คิดที่จะเปิดโรงงานในต่างประเทศเพิ่มเติม และไม่ได้มองเรื่องต้นทุนแรงงานในต่างประเทศที่อาจจะถูกกว่าบ้านเรา เหตุผลคือ เน้นการสร้างแบรนด์ สร้างคุณภาพ ไม่เน้นปริมาณ ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากหลายๆแบรนด์ ที่แห่ไปเปิดโรงงานในต่างประเทศนะครับ
และมีผู้จัดจำหน่ายในอาเซียน หลายประเทศด้วยกันครับ ทั้ง สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ ,เวียดนาม, สปป.ลาว, เมียนมา และกัมพูชา (Sabina รุกอาเซียนหนักมาก)
Sabina เป็นบริษัทระดับตำนานเลยครับเพราะเริ่มธุรกิจตั้งแต่ปี 1971 หรือกว่า 47 ปี แล้วละครับ
และด้วยประสบการณ์เกือบ 50 ปีนี้ ผู้บริหารบอกว่า โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่ 80% ใส่เสื้อในผิดไซส์ครับ
วิธีมองของผู้บริหารคือ เวลาทำผลิตภัณฑ์จะไม่ได้มองเรื่องของผู้ใช้ เหมือนสินค้าประเภทอื่นๆ แต่แบ่งตามรูปร่างและไซส์ (โดยจะต้องมีการทดสอบ วัตถุดิบ, การลองสวมใส่, และการผลิต ก่อนที่จะผลิตออกมาขายจริง)
===========
ขายผ่านช่องทางอะไรบ้างครับ?
1.ช่องทางห้างสรรพสินค้า ทั้งเคาน์เตอร์และตามช็อปในห้าง (Q1 ปีนี้เติบโต 7.3%)
2.ช่องทางออนไลน์และ TV shopping (ปีนี้เติบโตใน Q1 แล้วกว่า 400%!! โตโหดมากครับ)โดยเน้นความเชื่อมั่น, ความสะดวก และความสบาย และจะเน้นการตลาด online to offline
3.การส่งออกชุดชั้นในแบรนด์ซาบีน่าไปยังประเทศต่างๆ (ปีนี้เติบโต 41%) ทั้งๆที่ปีที่แล้ว ติดลบกว่า 40% เพราะตัวแทนจำหน่ายเลือกสินค้าไม่ตรงกับตลาด ทาง Sabina เลยลงไปลุยตลาดด้วยตัวเอง
4.รับจ้างผลิตเพื่อการส่งออก (OEM) (ปีนี้เติบโต 46% โตหนักมาก ) แต่ตลาดกลางล่าง ลูกค้าย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม และจีน
ส่วนชิ้นงานยากๆ Sabina ได้รับเต็มๆครับ ส่วนใหญ่มาจากการผลิตสินค้า คัพไซส์ใหญ่ (เค้าบอกว่า ในไทยอย่างมากก็ คัพ E แต่ในอังกฤษ ขยายไปถึงไซส์คัพ J, H และขยายมากขึ้นเรื่อยๆ อืมๆๆๆๆๆๆ ) ซึ่งมองว่าตลาดนี้เป็นตลาดที่ทำยากมากๆ สำหรับ Sabnia ใช้เวลาในการวิจัยและผลิตนานกว่า 10 ปี
===========
มาดูกันต่อครับ ว่าบริษัท Sabina มีสัดส่วนยอดขายเป็นยังไง
ยอดขายและรายได้มาจากแบรนด์ตัวเองประมาณ 79% (ต่างจากเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ที่ Sabina มีสัดส่วนยอดขายจากแบรนด์ตัวเองแค่ 10% เท่านั้นครับ สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างเห็นได้ชัด คิดเป็นยอดขายเติบโตขึ้นเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับอดีต)
OEM 11% (สวนทางกับสัดส่วนการผลิตให้กับแบรนด์ต่างประเทศลดลงเรื่อยๆ เพราะเจอพิษค่าเงินแข็งค่า และมองว่า ควรหันมาเน้นทำธุรกิจแบรนด์ตัวเองจะได้ประโยชน์มากกว่า ตอนนี้เหลือแค่ลูกค้าครีมๆ เจ๋งๆให้มาร์จิ้นเยอะๆ และให้งานยากๆ)
ผลิตแบรนด์เพื่อการส่งออก 2% (ในอดีต เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ยังไม่มีการส่งออก)
ออนไลน์: 8%
===========
ขอแอบส่อง ผลประกอบการปีที่แล้วหน่อยครับ?
ถ้าย้อนกลับไป ในปี 2010 Sabina มียอดขาย 1,800 ล้านบาท แต่ปีล่าสุดมียอดขายสูงถึง 2,600 ล้านบาท เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปีที่แล้ว 2560 มีกำไรสุทธิ 243.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 175.67 ล้านบาท
===========
แล้ว Q1 ของปีนี้ละเป็นอย่างไรครับ?
รายได้ 690 ล้านบาท (เติบโต 18.9% มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 15%)
ส่วนกำไร 79 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจาก Q1 ปีที่แล้ว 55.7%)
Gross Profit margin: 53% เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 50.9% (มาร์จิ้นสูงขึ้นกว่าสมัยที่เน้น OEMในช่วง หลายปีที่ผ่านมา ตอนช่วงนู้นมี gross profit margin เพียง 35%)
EBITDA margin: 16.3% มากกว่าปีที่แล้วที่เคยอยู่ระดับ 13.5%
Net profit margin: 12% มากกว่าปีที่แล้วที่อยู่ระดับ 9.1% (เพิ่มขึ้นกว่า ในอดีตหลายปีที่ผ่านมาช่วงที่เน้น OEM ตอนนู้นมีเพียงแค่ 3%)
ส่วนค่าเงินมีผลเยอะเช่นกันครับ: เพราะฉะนั้นก่อนหน้านี้จะรับเงินดอลลาร์ทั้งหมด แต่ตอนนนี้เริ่มกระจายความเสี่ยง รับรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ 44% และเป็นเงินปอนด์ 56%
ในขณะที่ตลาดส่งออก ส่วนใหญ่อยู่ที่ อังกฤษ 75%, รองลงมา โปแลนด์ 7%, ฝรั่งเศส 7%,อาเซียน 5%, อินเดีย 5%, และสหรัฐ 1%
ส่วน D/E: 0.25x, current ratio: 4.9x, Quick Ratio: 2.3x, ROE 14.4%, ROA: 11.5%
===========
ต้นทุนวัตถุดิบมาจากอะไรบ้างครับ มาดูกัน?
วัตถุดิบหลัก: 82% เช่น ผ้า ยาง
อุปกรณ์ตกแต่งสินค้า: 10.96% เช่น ตะขอ ห่วงคล้องสายแขน ด้าย เอ็น
วัสดุบรรจุภัณฑ์: 6.33% เช่น กล่อง สายรัด ไม้แขวน ถุงพลาสติก
===========
สินค้าคงคลังน่ากังวลไหม??
สำหรับ ตัวเลข inventory: 9 เท่า
ลดลงจากช่วงแรกๆ ที่เปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นทำแบรนด์ตัวเอง ที่ตอนนู้นอยู่ที่ระดับ 18 เท่า
แต่ก็มีคงกังวลว่าของมีขายน้อยไปหรือป่าว ผู้บริหารบอกว่า แต่ถ้าดูตัวเลข inventory ตอนนี้อยู่ 9 เท่า มานานกว่า 10 เดือนแล้ว โดยที่ยอดขายไม่ตก แสดงว่า ของไม่ขาดตลาด ไม่เสียโอกาสการขาย
เป็นธุรกิจที่ยาก เพราะ ลูกค้าต้องเลือก สี, คัพไซส์, ลวดลาย เลยเป็นเหตุผลที่ต้องมีinventory ในคลังสินค้าเยอะพอสมควร แต่จะพยายามไม่ให้มีของมากเกินความต้องการ โดยร้านแต่ละสาขาจะมีข้อมูลว่า มีสินค้าพอไหม อัตราทำกำไรเป็นอย่างไร
เป็นธุรกิจทึขึ้นอยู่กับสรีระ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัยของคน (ตอนสาวๆ คัพ A ตอนแก่ก็จะยังคัพA แหม..ผู้บริหารพูดไป เขินไปนะครับ) และอนาคตจะมีสินค้าใหม่ที่สวมได้ทั้งคนที่คัพเล็ก และคัพใหญ่ ซึ่งเหมาะมากสำหรับการขายออนไลน์
===========
เวียดนามเป็นตลาดที่ Sabina มีสาขามากที่สุดครับ
รวมๆแล้วตอนนี้ Sabina มีจุดขายในต่างประเทศรวมกันกว่า ร้อย จุดขายแล้วครับ มาแรงมากๆ
ตอนนี้ เวียดนามมีสาขา: 52 สาขา (มีทั้ง standalone, ในห้าง)
ฟิลิปปินส์: 27 สาขา
เมียนมา: 10 จุดขาย
สปป.ลาว: 5 สาขา
กัมพูชา: 3 แห่ง
บังคลาเทศ: 4 สาขา
และ ปากีสถาน: 9 สาขา
===========
วางเป้าหมายเป็นอย่างไรเอ่ย?
ตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15% (โดยช่องทางหลักที่จะเติบโตอย่างมากคือ การขายออนไลน์) นอกจากนี้จะขยายจุดขายในต่างประเทศด้วย
ไม่ว่าจะเป็นที่ประเทศเวียดนามจะขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 52 แห่ง,ฟิลิปปินส์ เพิ่มอีก 3 แห่ง จากเดิมมี 27 แห่ง, เมียนมาร์ เพิ่มอีก 1 แห่ง จากเดิมมีอยู่ 10 แห่ง,บังคลาเทศ เพิ่มอีก 6 แห่ง จากเดิม 4 แห่ง และปากีสถาน 1 แห่ง จากเดิม 9 แห่ง
ตั้งเป้ากำลังการผลิตปีนี้ จะเพิ่มขึ้นมาที่ 1.097 ล้านชิ้น ต่อเดือน
จากไตรมาสที่1 ของปีนี้ ที่ผลิตได้แล้ว 1.02 ล้านชิ้น ต่อเดือน
และเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้ว 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 8.10 แสนชิ้น ต่อเดือน (เพิ่มขึ้นกว่า 20%)
และตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานการผลิตชุดชั้นในปีนี้เป็น 1.8 พันคน จากไตรมาสแรกอยู่ที่1.6 พันคนแล้ว เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1.5 พันคน (มีการเก็บข้อมูล ความสามารถของพนักงาน ว่าอยู่ระดับไหนแล้ว ฝึกมานานแล้วหรือยัง เค้าเย็บได้ทุกขั้นตอนแล้วหรือยัง โดยมีการเก็บประวัติ เพื่อวางไลน์การผลิตให้เหมาะสำหรับแต่ละหน้าที่)
นอกจากนี้ Sabina ยังตั้งงบการลงทุนทางการตลาดไว้กว่า 100 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังนี้จะมีการออกโฆษณาตัวใหม่เพิ่มอีกจำนวน 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนสิ้นปี
ขณะที่แผนการขยายสาขาในประเทศยังคงเท่าเดิมที่ 600 สาขาครับ แต่เค้าจะหันเน้นการขายออนไลน์มากแบบจัดหนักมากขึ้น ซึ่งจะเจาะกลุ่มลูกค้าประจำ และขายสินค้าขนาดฟรีไซต์ หรือสินค้าที่ไม่ต้องรองเป็นหลัก ซึ่งก็มีข้อดีคือ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
===========
แล้วถ้าเจาะลึก ว่าเป้าหมายมาจากอะไรบ้างละ?
1.ช่องทางห้างสรรพสินค้า ทั้งเคาน์เตอร์และตามช็อปในห้าง โดยคาดว่ายอดขายปีนี้จะเติบโต 7%
2.ช่องทางออนไลน์ คาดว่าจะเติบโต 150%
3.การส่งออกชุดชั้นในแบรนด์ซาบีน่าไปยังประเทศต่างๆ ที่คาดจะเติบโต 26%
4.รับจ้างผลิตเพื่อการส่งออก (OEM) ที่คาดจะเติบโต 35% (ตอนนี้ order คำสั่งซื้อเต็มไปถึง Q3 แล้ว ล่าสุดคิดเป็น 80% ของเป้าหมายทั้งปี)
===========
ไม่อยากพลาด! Add [email protected] ไว้นะครับ
คลิก https://line.me/ti/p/%40Eig_Banphot