GGC ทำธุรกิจอะไรบ้าง?
เป็นบริษัทลูกของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) โดย PTTGC ถือหุ้นในสัดส่วน 72.29%
1. ธุรกิจ ME (Biodiesel)
ในไตรมาสที่ 1 นี้ รัฐบาลยังกำหนดอัตราการผสมน้ำมันไบโอดีเซลที่ B7 หรือ น้ำมันผสมกับไบโอดีเซล ไม่เกินร้อยละ 7
ในขณะที่ความต้องการน้ำมัน B7 เพิ่มสูงขึ้น (อัตราการใช้น้ำมันดีเซลในปีนี้สูงที่สุดในประวัติการณ์) และอนาคตอาจจะมีการประกาศให้ใช้ B10 ซึ่งจะเพิ่มความต้องการไบดโอดีเซลได้อีก
โดยในเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลมากกว่า 67 ล้านลิตรต่อวัน มากกว่าปกติ ที่อยู่ระดับ 60-62 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และตามเมกะโปรเจค
(แต่ไตรมาส 2 อาจจะลดลงบ้าง ตามฤดูกาลเพราะเป็นหน้าฝน)
นอกจากนี้ราคาปาล์มก็ลดต่ำลงมาก ทำให้รัฐบาลเรียกร้องให้ใช้มาตรการดูดซับน้ำมันปาล์ม ออกจากตลาด ไม่ให้ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำมากเกินไป (ตอนนี้ยังอยู่ในภาวะน้ำมันปาล์มล้นตลาด)
=========================
2. ธุรกิจ FA (Fatty Alcohol)
เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ใช้เมล็ดในปาล์มดิบ (เอาไปใช้ในแชมพู, ยาสระผม, น้ำยาล้างจาน, น้ำหอม, น้ำยาล้างพื้น)
ช่วงที่ผ่านมาไตรมาสที่ 1 จะเห็นว่าน้ำมันดิบ และเอธีลีนมีราคาสูงขึ้น แต่สวนทางกับวัตถุดิบของ Natural Fatty Alcohol เพราะว่าราคาน้ำมันปาล์มที่ตกต่ำลง
ทำให้ราคา Natural Fatty Alcohol ลดลงเช่นกัน ทำให้ความต้องการในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้ตอนนี้โรงงานของทั้งสองธุรกิจเดินหน้าเต็มกำลัง
=========================
ผลประกอบการละดีไหม?
GGC นำเสนอ EBITDA เพราะอยากจะตัดผลกระทบจาก Stock gain/ loss ซึ่งดีขึ้น 29% (จะดูเฉพาะตัวเลขกำไรไม่ได้)
ถ้าแยกดูทีละธุรกิจ จะเห็นว่า ธุรกิจ ME มี EBITDA +10% แต่ ธุรกิจ FA มี EBITDA เพิ่มถึง 46%
ยอดขายโดยรวม 4,631 ล้านบาท
NPM: 1.4% ลดลงจากไตรมาสที่ 4 ปี 2017 ที่เคยอยู่ระดับ 4.8% (ได้รับผลกระทบจาก Stock loss 2 ร้อยล้านบาท เพราะราคาตลาดโลกลดลง)
Cashflow เพิ่มขึ้นเป็น 3,243 ล้านบาท
=========================
ผลกระทบค่าเงินที่ผันผวนมีแค่ไหน?
สำหรับธุรกิจ ME:
GGC ซื้อผลิตภัณฑ์ในประเทศเป็นเงินบาท และขายเป็นเงินบาท ทำให้ไม่มีปัญหาด้านค่าเงิน
แต่สำหรับ FA:
GGC ซื้อวัตถุดิบบางส่วนจากในประเทศและบางส่วนนำเข้าจากต่างประเทศ แต่ตอนขายเป็น USD ทำให้มีผลกระทบจากค่าเงินบ้างครับ
=========================
อัพเดทราคาตลาดกันหน่อยครับ และกำลังการผลิต
สำหรับธุรกิจ ME:
ราคาน้ำมันปาล์มดิบลดลง ทำให้ตอนนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 120% โดยสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 1.03 แสนตัน (มากกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 9.1 หมื่นตัน)
สำหรับธุรกิจ FA:
ราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบลดลง ทำให้ราคา Natural Fatty Alcohol ลดลงบ้าง สวนทางกับ ราคา synthetic fatty alcohol (สารสังเคราะห์จากปิโตรเลียม) ที่ราคาสูงขึ้นจากราคาน้ำมันขาขึ้น ทำให้มีกำลังการผลิต ที่ 101%
ทำให้มียอดขาย 24,000 ตัน มากกว่าไตรมาสที่แล้วที่เคยขายได้ระดับ 2 หมื่นตัน
=========================
เป้าหมายของ GGC:
คาดว่ารายได้ปีนี้ จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 19,641.37 ล้านบาท โดยได้รับผลดีจากการที่น้ำมัน B20 จะออกสู่ตลาดช่วง ก.ค.นี้ (อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล)
GGC ประเมินภาพรวมของ B100 ทั้งตลาดจะเพิ่มขึ้น 20,000-30,000 ตัน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ราว 27-28% ของทั้งหมด
อีกปัจจัยบวกคือ ภาครัฐขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน เก็บสต๊อกไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ GGC ยังอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการไฮโดรจีเนสเตทร่วมกับ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ซึ่งยังต้องมองถึงความคุ้มค่าของการลงทุน และการลงทุนที่เหมาะสมก่อน
=========================
Update: กรณีทุจริตวัตถุดิบที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงหนักก่อนหน้านี้
GGC พบว่า สินค้าคงคลังหายไป 71,848 ตัน มูลค่าความเสียหาย 2,100 ล้านบาท
โดย GGC พบความจริงนี้เพราะ คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายให้ฝ่ายจัดการควบคุมปริมาณวัตถุดิบคงคลังให้เหมาะสมเพื่อลดความผันผวนของราคาวัตถุดิบ จึงได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบเชิงลึก
แต่ไม่มีปัญหาเนื่องจากบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงแผนการลงทุนในอนาคต โดยหากมีความคืบหน้าในเรื่องนี้บริษัทจะรายงานให้ทราบต่อไป
=========================
ไม่อยากพลาด! กดติดดาวเพจหรือ Add line ไว้นะครับ
คลิก https://line.me/ti/p/%40Eig_Banphot