สรุป Opp Day BEAUTY (บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้) สำหรับ Q4 – 2560
Facebook: ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
by บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPT TM
=========================
Overview:
ประวัติ
สาขาแรก เปิดเมื่อ 25ธ.ค.2549 ที่บิ๊กซี วงศ์สว่าง
ก่อนที่จะเป็นbeauty buffet ใช้เวลา8ปี เปิดได้20สาขา ตั้งแต่ปี2541
แต่หลังจากเป็น beauty buffet ในปี2549 ขยายสาขาได้มากกว่า240สาขา การเจริญเติบโตเร็วกว่าช่วงแรกมาก
หลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2012 : ยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 778 ล้านบาท ในปี 2012 เพิ่มขึ้นเป็น 3,735 ล้านบาท ในปี 2017
ปรัชญาการทำธุรกิจคือ จะเน้น ความคิดสร้างสรรค์ แม้จะเป็นบริษัทที่ใหญ่แล้ว
ปัจจุบันมี product line : 9 category
=========================
ปัจจุบัน มีจำนวนสาขาในประเทศทั้งสิ้น 345 สาขา แบ่งเป็น
BEAUTY BUFFET 261 สาขา
BEAUTY COTTAGE 75 สาขา
และ BEAUTY MARKET 9 สาขา : เอาสินค้าของแบรนด์อื่นมาขาย
นอกจากนี้ยังวางจำหน่ายในคิง พาวเวอร์ 8 สาขา 22 จุดจำหน่าย
7-ELEVEN 650 สาขา
Boots จำนวน 145 สาขา
ผู้บริหารมองว่า ยังมีโอกาสอีกมาก เพราะขนาดตลาดมีมูลค่าสูงถึง 180,000 ล้านบาท ( ดังนั้นปัจจุบัน Beauty มี market share : 2% เท่านั้น )
=========================
ผลการดำเนินงาน:
ยอดขาย 3,735 ล้านบาท ( เติบโต 45 % )
และกำไร 1,229 ล้านบาท (เติบโต 87 %)
NPM: 32 % , GPM: 67 %, SG&A: 26 %, EBIT margin: 41 %
Beauty ยังเป็นบริษัท net cash ไม่มีหนี้สิน ( ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า )
Inventory days: 89 วัน ดีขึ้นมากจากปีที่แล้ว 110 วัน
ROE = 81% , ROA = 60%
same store sales : 20.52 % ลดลงจากปีที่แล้ว ที่เคยอยู่ที่ 22.5%
=========================
สัดส่วนยอดขาย:
Beauty Buffet ปัจจุบันสร้างรายได้ประมาณ 56%ของทั้งหมด ( ส่วนใหญ่มาจาก skin care สัดส่วน 74 %, Make up สัดส่วน 23 % )
beauty cottage : 10.5 %
beauty market : 1.7 %
E commerce : 4.1 %
ต่างประเทศ : 13.77 %
รายได้เมื่อแยกตามพื้นที่ :
กทม : 62 %
ภาคใต้ : 11.9 %
ตะวันออก : 9.9 %
เหนือ : 7.3 %
=========================
E-Commerce:
ปีที่แล้วเติบโตถึง 108 % เพิ่มเป็น 154 ล้านบาท
ขายผ่าน beauty plaza และขายผ่านเวปไซต์กลุ่มคู่ค้า กว่า13 websites
=========================
ต่างประเทศ เติบโต 189% ในปี 2017
ใช้กลยุทธ์หลายอย่าง เช่น การแต่งตั้ง distributor จัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศ , shop license ให้ license ในการเปิดสาขา , และ cross border E-commerce ( เช่นที่ทำการค้า กับประเทศจีน )
โดยในแต่ละประเทศ จะมีรูปแบบการทำธุรกิจที่แตกต่างกัน
ฟิลิปปินส์ : 4 independent shops
เวียดนาม : 12 independent shops
เมียนมา : 5 counter sales
สปป.ลาว : 5 counter sales
ฮ่องกง : เป็นแบบ shop in shop 93 แห่ง
ไต้หวัน : 19 แห่ง
อินโดนีเซีย : 19 แห่ง
=========================
เป้าหมาย 5 ปี (ปี 2561 – 2565):
ตั้งเป้าการเติบโตเฉลี่ยของรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 20% อัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20%
โดยคาดว่าในปี 2565 จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท และเป็นแบรนด์เครื่องสำอางของไทยที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคทั่วเอเชีย
=========================
เป้าหมายปี 2561:
สำหรับปีนี้ Beauty ตั้งเป้าหมายรายได้ 4,290 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
โดยตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 120 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนเปิดสาขาใหม่จำนวน 80 ล้านบาท รวมทั้งใช้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและ Business Intelligence (BI) จำนวน 40 ล้านบาท
เน้นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆเช่น จับกลุ่มลูกค้าชาวจีน โดยจะนำสินค้าเข้าจำหน่ายใน Official Online ผ่าน Cross Border เช่น เวบไซต์ TMALL.HK ,เวบไซต์ KAOLA.COM
มีแผนขยายสาขาที่เป็น Independent shop ในต่างประเทศจำนวน 9 สาขา จากปัจจุบัน 16 สาขา กระจายอยู่ในเวียดนาม และฟิลิปปินส์
ขยายจุดจำหน่ายที่เป็น Counter Sales จำนวน 7 จุดจำหน่ายจากเดิมที่มี 10 จุดจำหน่าในลาวและเมียนม่า
ขยายจุดจำหน่าย Shop in Shop จำนวน 6 สาขาจากปัจจุบัน 131 จุดจำหน่ายเช่นใน ฮ่องกง ไต้หวัน และอินโดนีเซีย
สำหรับตลาดในประเทศช่องทางจำหน่าย Consumer Product ในปีที่ผ่านมามีกระแสตอบรับดีจากผู้บริโภคและกลุ่มนักท่องเที่ยวส่งผลให้ยอดขายมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 151% จากปีก่อน
และมีแผนเร่งพัฒนาสินค้าเข้าจำหน่ายใน 7-11 ทั่วประเทศ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในต้นไตรมาส 3 นี้
สำหรับการวางจำหน่ายผ่านร้าน KING POWER จำนวน 8 สาขา 22 จุดจำหน่าย ร้าน Boost 145 สาขา เชื่อว่าจะส่งผลให้มียอดขายเพิ่มมากขึ้น จากการหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่ายของผู้บริโภค
=========================
กลยุทธ์ธุรกิจ: Fast and smart (เน้นการใช้ Multi brands + multi products + multi channels)
1.กลยุทธ์การตลาดแบบ Online to Offline โดยใช้สื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มรวมทั้ง Influencer ทั้งในและต่างประเทศรวมถึงพนักงานทุกระดับ : ไม่จำเป็นต้องเร่งเปิดสาขา และไม่จำเป็นต้องเปิดร้านขนาดใหญ่
2.การสร้าง Product Hero ทั้งสินค้าเดิมที่มีอยู่แล้วและสินค้าใหม่และเน้นสินค้าที่เป็นนวัตกรรมตามเทรนด์แฟชั่น ( สามารถออกผลิตภัณฑ์ ที่ให้อัตรากำไรสูงขึ้นได้)
3.การลงทุนและพัฒนาBusiness Intelligence เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขายและลูกค้า จัดกลยุทธ์การทำการตลาด การขาย และ CRM
4.การพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพด้านการขายการตลาด พร้อมเพิ่มความรู้ความสามารถให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
5.ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมีแผนขยายสาขาในประเทศ เพิ่ม 34 สาขา
แบ่งเป็น BEAUTY BUFFET 22 สาขา
BEAUTY COTTAGE 12 สาขา
และมีแผนปรับ BEAUTY MARKET ให้เป็นร้านที่มีสินค้าขายทั้งออฟไลน์ และ ออนไลน์ ทั้ง 9 สาขา
ตลาดต่างประเทศจะเน้นการสร้าง Shop Brand และ Product Brand ให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ AEC เน้นเจาะตลาดในเอเซีย เช่น กลุ่มประเทศ AEC จีน ฮ่องกง ไต้หวัน อินเดีย รัสเซีย รวมถึงตะวันออกกลาง
=========================
สำหรับประเด็นเรืื่องการขายหุ้น 4.66%
ผู้บริหารชี้แจงว่า เป็นการขายให้กับผู้ลงทุนที่สนใจเข้ามาถือหุ้นในบริษัท ยืนยันว่า หลังจากนี้ยังไม่มีแผนจะขายหุ้นออกไปอีก และยืนยันที่จะคงถือหุ้นใหญ่เพื่ออำนาจในการบริหารบริษัทต่อไป (หลังการขาย ครอบครัวของคุณหมอ สุวิน ยังคงถือหุ้นรวมกัน 22% )
=======================
ไม่อยากพลาด! กดติดดาวเพจหรือ Add line ไว้นะครับ
คลิก https://line.me/ti/p/%40Eig_Banphot