สรุปOppDay บมจ.คาราบาวกรุ๊ป (CBG) สำหรับงบไตรมาสที่ 2 / 2562

8347

Facebook page: ถามอีก กับอิก 

 

โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPTtm

 

===========

 

ทบทวนกันหน่อยครับว่า CBG ทำธุรกิจอะไรครับ?


CBG เป็น Holding company
ถือหุ้นในหลายบริษัทครับ มีสินค้าในเครือเยอะมากครับ เช่นเครื่องดื่มบำรุงกำลัง, เครื่องดื่มไม่อัดก๊าซ, เครื่องดื่มเกลือแร่ผสมซิงค์, น้ำดื่ม, กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง, และกาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่ม

 

แบ่งเป็นสินค้าในกลุ่มบริษัท CBG เอง : รายได้มาจากเครื่องดื่มบำรุงกำลัง 42.1% ของรายได้ทั้งหมด, เครื่องดื่มเกลือแร่ 0.1%

 

ในขณะที่สินค้าที่ให้บริษัทอื่นผลิตให้: กาแฟปรุงสำเร็จพร้อมดื่มมีรายได้ 4.5%, ในขณะที่น้ำดื่มคาราบาว 0.5%, กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง 0.7%

 

ในขณะที่ธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายให้กับบุคคลภายนอกก็จะแบ่งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป 2.9%, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 4.1%

 

สำหรับธุรกิจต่างประเทศรายได้หลักๆมาจากคาราบาวแบบกระป่อง แบบไม่อัดก๊าซ 42.6%, รองลงมาคือคาราบาวแบบขวด 1.2%

 

===========

 

ผลประกอบการครึ่งปีแรกยังพอเติบโตได้ครับ

 

“ยอดขายรวมครึ่งปีแรกเติบโต 2% มาอยู่ที่ 7,114 ล้านบาท” ถ้าดูตัวเลขอาจจะน้อยกว่าเป้าหมายไปบ้าง แต่ผู้บริหารยืนยันว่าครึ่งปีหลังมีงบการตลาดมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่า น่าจะทำรายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักได้

 

 

แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลข กำไรขั้นต้นทำจุดสูงสุดใหม่ของ CBG ครับ สูงถึง 2599 ล้านบาท เติบโต 22% เหตุผลหลักๆมาจากการบริหารต้นทุน และประสิทธิภาพได้ดีขึ้น จากทั้งโรงบรรจุกระป๋องและบรรจุขวดแห่งใหม่

 

แต่ตัวเลขที่น่าตื่นเต้นคือกำไรสุทธิครับ ที่ทำจุดสูงสุดใหม่ อยู่ที่ 972 ล้านบาท เติบโต 149% เพราะตอนนี้บริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายการตลาดดีขึ้นมาก

 

ในขณะเดียวกันตอนนี้ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังสัดส่วน 55% มาจากต่างประเทศครับ “เป็นไปตามกลยุทธ์ของเราที่อยากเน้นทำตลาดต่างประเทศมากกว่าในประเทศ” ผู้บริหารอธิบายเพิ่มเติมครับ

 

===========

 

ชวนมาดูไส้ในผลประกอบกันครับ

 

จากกราฟฟิคเห็นชัดเลยครับว่าในอดีต ยอดขายของแต่ละไตรมาสจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จาก Q1 แล้วจะไปทำจุดสูงสุดที่ Q4

 

 

“จุดที่น่าสนใจคือ อัตราทำกำไรขึ้นต้นค่อยๆเพิ่มมากขึ้น จาก Q4 ปี 2017 อยู่ที่ 28.5% ตอนนี้ล่าสุดไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ระดับ 37.6% สูงมากครับ”

 

ถ้าหากดูยอดขายแบ่งเป็นตลาดในประเทศกับต่างประเทศ จะเห็นว่ายอดขายครึ่งปีแรกสัดส่วนในประเทศอยู่ที่ 52%   ลดลง 2% ในขณะที่ยอดขายต่างประเทศมีสัดส่วน 48% เติบโต 7%

 

 

สำหรับธุรกิจคาราบาว มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 35.4%   เป็น 38.9% “ยิ่งมียอดขายมากขึ้นก็น่าจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง”

 

สำหรับธุรกิจรับจ้างจัดจำหน่ายให้แบรนด์อื่น ตอนนี้ที่กำลังขายดีคือ แอลกอฮอล์ (ราคาต่อหน่วยสูงกว่าคาราบาว แต่ว่าอัตราทำกำไรต่ำกว่า)

 

 

ส่วนตัวเลข EBITDA เองก็ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดย ICUK มีตัวเลข EBITDA ติดลบลดลงเหลือ 315 ล้านบาท

 

ในขณะที่ ค่า D/E ก็ดีขึ้น อยู่ที่ระดับ 0.62x (นับเฉพาะตัวที่มีดอกเบี้ยเท่านั้น)

 

===========

 

โอกาสจากสินค้าใหม่ที่อาจจะเป็นพระเอกตัวต่อไป

 

ยอดขายปัจจุบันหลักๆ 75% ยังมาจากคาราบาว ครับ แต่โดยภาพรวมยังโตน้อยกว่าเป้านิดนึง เพราะตั้งใจชะลอการทำการตลาด เพื่อรอเปิดตัวสินค้า Green Apple สำหรับเจาะตลาดคนรุ่นใหม่อายุ 20-34 ปี

 

 

“ภายในบริษัท CBG เองเราค่อนข้างมั่นใจว่า เราสามารถปั้น Geen Apple ให้เป็นสินค้าเรือธงตัวใหม่ของบริษัทได้” ผู้บริหารให้ความมั่นใจหลังจากที่ทดสอบขายใน 7-11 แบบ exclusive เมื่อปีที่แล้ว ปรากฏว่าได้รับผลตอบรับดีมาก เพราะพูดตรงกันว่า อร่อยมาก

 

แต่เดี๋ยวจะลดปริมาณขนาดของกระป๋องลงมา จาก 330 มล. ราคา 25 บาท เดี๋ยวจะลดเหลือ 180 มล. ราคา 15 บาท

 

 

 

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ Green Apple มีหลายอย่างเช่น ในแง่การสร้างแบรนด์ที่ทันสมัย เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ และตั้งราคาสูงขึ้นเป็น 15 บาท และคนก็ยินดีจ่าย (ปกติคาราบาวไม่สามารถขายราคาที่สูงกว่า 10 บาทได้เลย)

 

“ข้อมูลจาก นีลสันบอกว่า ตอนนี้ส่วนแบ่งการตลาดของ Green Apple อยู่ที่ 34% ถึงแม้ว่าเพิ่งเปิดตัวไม่นาน” ในขณะที่ถ้านับเฉพาะเดือน กค. จะเห็นว่าตอนนี้กลายเป็นส่วนแบ่งการตลาดอันดับที่ 1 อยู่ที่ 43%

 

===========

 

ความหวังคือ ตลาดต่างประเทศ

 

ภาพรวมทั้งบริษัทยังเติบโต 7%   แต่ตลาดที่เติบโตโดดเด่นคือ ตลาด CLMV ครับ

 

ตอนนี้ตลาดกัมพูชามาแรงมากๆ เติบโตกว่า 10% แม้จะมีคู่แข่งเริ่มทำแคมเปญคล้ายๆกันแต่ทาง CBG ก็มีการปรับตัว

 

อนาคตจะเน้นที่เมียนมาและเวียดนาม โดยมองเป้าว่าจะมียอดขายน้องๆ ตลาดจีนเลยครับ

 

 

และไม่น่าเชื่อว่าตลาด อัฟานิสถาน และเยเมน ก็มียอดขายเติบโตดี

 

===========

 

อัพเดทตลาดจีนกันหน่อยครับ แม้ตัวเลขยังอ่อนแอ แต่เริ่มดีขึ้น

 

CBG เริ่มไปทำตลาดช่วงกลางปี 2017 โดยตอนนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กวางโจว แต่มีสำนักขายเล็กๆ มากถึง 21 แห่ง ครอบคลุม 22 มณฑล และ 400 อำเภอ

 

สำหรับประเทศจีนมีช่อง ทางการขาย 3 ช่องทางครับ

 

1. Sinopec และ petrochina: เป็นปั๊มน้ำมัน ที่เป็นกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่มาก

 

Sinopec เปิดเมืองใหญ่ มีจำนวนสาขา 22,000 สาขาปัจจุบัน CBG นำไปขายแล้ว 70% ของจำนวนสาขาทั้งหมด ส่วน petrochina เปิดที่เมืองรองๆ มีทั้งหมด 15,000 สาขาปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้ว 25%

 

2. ตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 600 เจ้า ครอบคลุมโชห่วย, ร้านสะดวกซื้อ, ซุปเปอร์มาร์เกต,

 

3. ช่องทางออนไลน์ กับ JD.com โดยมีการ live สดขายด้วย ยอดขายดีมาก

 

และเมื่อมีการทดสอบว่าคนจีนพูดถึงอะไรในจีน ก็จะเห็นว่า พูดถึงค่อนข้างบวก และมองว่าเป็นแบรนด์นักสู้

 

 

เชื่อว่า ปี 2019 จะสามารถทำยอดขายได้ มากกว่า 100 ล้านกระป๋อง และจะเพิ่มขึ้นในปี 2020 เป็นมากกว่า 200 ล้านกระป๋อง

 

ข้อมูลจากนีลสันบอกว่า ยอดขายในจีนมีมากถึง 10,500 ล้านกระป๋อง ตอนนี้ขายได้ 100 ล้านกระป๋องนั่นเท่ากับว่ามีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 1% “ตอนนี้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในจีนเติบโตน้อยลง จากเดิม 25% ปีนี้คาดว่าจะลดลงเหลือ 8%”

 

===========

 

แล้วตลาดอังกฤษละ ดีขึ้นไหม?

 

การจะเจาะอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่เหมือนเมื่อก่อนที่แค่เอาเงินไปเป็นสปอนเซอร์ก็สามารถเข้าได้ ตอนนี้ยากขึ้น แต่แผนลดค่าใช้จ่ายจะช่วยลดผลขาดทุนได้

 

 

===========

 

เป้าหมายเป็นยังไงครับ?

 

1. “รายได้ปีนี้จะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 14,597 ล้านบาท” เบื้องต้นวางงบการตลาดไว้ 100 ล้านบาท นำโดยแคมเปญใหญ่”พบสาวบาวแดงพบโชค”

 

2. ส่วนตลาดต่างประเทศก็เน้นการทำตลาดในประเทศเมียนมาและเวียดนามมากขึ้น “ตั้งเป้ายอดขายในเมียนมาไว้ที่ 150 ล้านกระป๋อง และในเวียดนาม 100 ล้านกระป๋องภายในปีหน้า”

 

3. ส่วนในจีนก็คาดว่าจะมียอดขาย 100 ล้านกระป๋องและขวด และจะเติบโตขึ้นเป็น 600-700 ล้านกระป๋องและขวดได้ใน 3 ปี และคาดว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะดีขึ้นเพราะเป็นช่วง High season

 

4. สำหรับตลาดอังกฤษ แม้ว่าผู้บริหารมองว่าน่าจะขาดทุนอยู่ครับ 400-500 ล้านบาท แต่คิดว่าจะขาดทุนน้อยลง เพราะลดค่าใช้จ่ายในการเป็นสปอนเซอร์ เชลซี ลง เหลือระดับ global sponsorship ทำให้ยอดค่าใช้จ่ายลดลง 2 ใน 3 จากยอดค่าใช้จ่ายตอนนี้

 

5. เป้าหมายระยะยาวภายในปี 2563 CBG ตั้งเป้าว่าจะเป็นที่ 1 ของตลาดในประเทศด้วยส่วนแบ่งการตลาด 35%

 

===========

TAM-EIG

TAM-EIG

8347

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
error: Content is protected !!