ผมคิดว่าหลายคนที่มีความฝันอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าสิ่งที่ทำอย่างแรก ก็คือหยิบกระดาษและเครื่องคิดเลขขึ้นมา ทั้งจดทั้งกดเครื่องคิดเลขคำนวณดูว่า “เงินที่คิดว่าจะขายได้” จะมากกว่า “เงินลงทุนที่ต้องใช้” หรือไม่?
ถ้ากด “เครื่องหมายเท่ากับ” ปุ๊บ! แล้วตัวเลขสุดท้ายออกมาไม่ติดลบ พูดแบบใจพองโตว่ามี “กำไร” นั่นเอง
ถ้าเลขสุดท้ายออกมาเป็นบวก แสดงว่าไอเดียการเปิดร้านอาหารของเรา น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่หลายครั้ง การคำนวณเพื่อประเมินความเป็นไปได้ (ไม่รู้ว่าง่วงนอน หรือว่าคิดตอนกำลังดูละคร) ต้นทุนหลายอย่าง มักจะไม่ได้ถูกรวมเข้าไปหรือถูกรวมไม่ครบ
ผลก็คือ ทุกเช้าคุณตื่นขึ้นมาพลิกป้ายหน้าประตูเป็นร้านเป็น “เปิด” ด้วยรอยยิ้ม แต่พอถึงสิ้นเดือนที่ทำบัญชี รอยยิ้มกลับหายไปเพราะขาดทุน
วันนี้ผมมี 6 ค่าใช้จ่ายที่ควรจะถูกรวม แต่มักจะถูกลืม ของร้านอาหารมาแชร์ให้ฟังกันครับ
———————
1. ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยี:
ในยุคที่เทคโนโลยีเกือบจะเป็นเหมือนอีกหนึ่งอวัยวะที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าร้านอาหารที่เรากำลังจะเปิดไม่ได้ใหญ่โตเหมือนร้านอาหารตามห้างใหญ่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องคำนึงถึงนะครับ
ค่าใช้จ่ายที่ผมพูดถึง เช่น ราคาเครื่องเก็บเงินสด, ถาดใส่เงิน, เครื่องพิมพ์สลิป หรือกล้องวงจรปิด ค่าใช้จ่ายอุปกรณ์เหล่านี้มีตั้งแต่ราคาหลักพันบาท จนถึงหลายๆหมื่น เพราะฉะนั้น ดูให้ละเอียดซักนิดนะครับ ว่าร้านเราต้องการสิ่งไหนบ้าง และราคาเท่าไหร่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน รวมๆขึ้นมาก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่น้อยอยู่นะครับ
2. การทำโฆษณา:
ลองเริ่มจากการตอบคำถามว่า “คุณจะทำยังไงให้คนรู้ว่ามีร้านอาหารเปิดใหม่ และอยากมาลองชิม?” วิธีเริ่มต้นก็มีมากมาย ตั้งแต่ แจกใบปลิว ลงโฆษณาในสื่อต่างๆ หรือใช้การตลาด
ออนไลน์ ประมาณค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ครบนะครับ ไม่ว่าจะเป็นค่าทำใบปลิว แค่แรงคนแจกใบปลิว ค่าลงโฆษณาตามสื่อ รวมถึงต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการทำเพจของร้านด้วย
3. ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค:
ร้านอาหารบางประเภทใช้ไฟค่อนข้างมาก ในขณะที่บางประเภทก็จะหนักไปที่ค่าน้ำ ลองประเมินดูว่าพื้นที่ของร้าน จำนวนจานชาม (ถ้าร้านบุฟฟเฟ่ต์ก็ล้างกันมันเลยนะครับ) และรูปแบบการตกแต่งที่คิดไว้ จะมีผลอย่างไรต่อค่าใช้จ่ายส่วนนี้บ้าง
ที่สำคัญ หากกำลังจะเช่าพื้นที่ร้านต่อจากคนอื่น อย่าลืมเด็ดขาดนะครับ !!! เช็คให้มั่นใจว่าไม่มีค่าสาธารณูปโภคอะไรที่เค้ายังค้างจ่ายอยู่ ไม่อย่างนั้นละก็ ยังไม่ทันเปิดร้านเลย ก็มีภาะต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ซะแล้ว
4. ค่าเพลงต่าง ๆ ที่จะใช้เปิดในร้าน:
อันนี้แล้วแต่รูปแบบร้านนะครับ บางร้านก็ไม่ได้ต้องการสร้างบรรยากาศเพิ่มเติมก็ไม่จำเป็นต้องมี แต่สำหรับใครที่คิดอยู่ว่า อยากจะมีวงดนตรีสด มาเล่นเพลงชิคๆย้อนวัยไปสมัยวัยรุ่นในร้าน ก็อย่าลืมดูค่าใช้จ่ายด้วยว่า วงดนตรีที่ชอบคิดค่าใช้จ่ายวันละเท่าไร เล่นกี่ชั่วโมง กี่เบรค รวมเครื่องดนตรีครบเซ็ทหรือไม่ ทางร้านต้องเตรียมจัดเตรียมบางส่วนหรือเปล่า
บางคนคิดว่า ไม่ต้องขนาดนั้นเดี๋ยวใช้วิธีเปิดเพลงแทน ก็อย่าลืมดูเรื่องค่าลิขสิทธิ์เพลงด้วยนะครับ ตอนนี้เจ้าของค่ายเพลงเริ่มเอาจริง เดี๋ยวจะเป็นเรื่องบานปลาย
5. ค่าธรรมเนียมกรณีรับชำระลูกค้าเป็นบัตรเครดิต:
คนสมัยนี้พกเงินสดน้อยลงๆเรื่อยๆครับ คนส่วนใหญ่พกบัตรเครดิตเหมือนพกมือถือ เพราะฉะนั้นการรับบัตรเครดิตอาจจะไม่ใช่จุดเด่นของธุรกิจอีกต่อไป แต่แทบจะเป็นอะไรที่ต้องมีเพื่อบริการลูกค้า
อย่าลืมนะครับ ว่าการรับบัตรเครดิต เราจะถูกคิดค่าธรรมเนียม 2%-3% จากทางบัตรเครดิต ดังนั้น เผื่อค่าใช้จ่ายส่วนนี้ด้วย และที่สำคัญ เตรียมเงินหมุนเวียนให้เพียงพอนะครับ เพราะการรับชำระเงินทางบัตรเครดิต ร้านอาหารไม่ได้รับเงินในทันที แต่ใช้เวลาอีกอย่างน้อยเกือบ 1 สัปดาห์ในการได้รับเงิน
———————
ความคิดเห็น ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
การวางแผนให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ แต่อีกครึ่งหนึ่งก็อยู่ที่การแก้ปัญหาของเรา ไม่มีใครรู้หรอกครับ ว่าระหว่างทางเราจะเจออะไรบ้าง หรือจะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้แผนที่วางไว้อย่างดี ไม่เป็นไปตามนั้น
แต่ที่แน่ๆคือความมุ่งมั่น และพยายาม จะทำให้เราผ่านมันไปได้ สู้ๆครับทุกคน 🙂