แน่นอนครับว่า ร้านอาหารแต่ละร้านล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป บางร้านชูจุดเด่นของรสชาติอาหารที่โดดเด่น บางร้านเน้นราคาอาหารคุ้มค่า หรือบางร้านก็ตกแต่งร้านแบบที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ให้ประสบการณ์ใหม่ๆแก่ลูกค้าที่ไปเยือน
แต่นอกเหนือจากคุณภาพและราคาแล้ว รู้มั๊ยครับว่า จริงๆแล้วมีหลักจิตวิทยาหลายอย่าง ที่สามารถนำมาใช้เป็นเหมือนมนต์สะกด ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับร้านอาหารได้เช่นกัน วันนี้ผมมี 5 มนต์สะกดมาเล่าให้ฟังครับ
========
1. ทำยังไง ให้ราคาอาหารในเมนูไม่แพงอย่างที่คิด?
ถ้าสังเกตให้ดี ร้านอาหารส่วนใหญ่โดยเฉพาะร้านอาหารหรูๆ จะมีชื่อเมนูอาหารและราคา แต่ไม่มีหน่วย “บาท” เช่น วากิวย่าง 500 แต่เค้าจะไม่เขียนว่า 500 บาท (ครั้งหน้าลองสังเกตดูนะครับ)
บทวิจัยหลายฉบับพูดตรงกันครับว่า คนส่วนใหญ่จะจ่ายเงินมากขึ้น เมื่อเมนู ไม่มีหน่วยเงินกำกับอยู่ด้วยครับ เพราะใจเราจะไม่คิดถึงจำนวนเงินนั่นเองครับ (ทุกอย่างมีเหตุมีผลหมดนะครับ)
========
2. อยากให้ลูกค้ากินเยอะหรือกินน้อย ก็ทำได้เหมือนกัน
“เมื่อใช้จานใหญ่ คนที่ทานอาหารจะคิดว่าตัวเองทานได้เยอะ และหลายครั้งจะพบว่ามักจะตักอาหารมากกว่าที่สามารถทานได้จริง ๆ” นี่เป็นผลการวิจัยของ Journal of Consumer Research ครับ
เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจแล้วครับว่า ทำไมร้านอาหารที่เราสั่งเป็นจานๆ แล้วจ่ายเงินตามที่เราทาน เค้าก็มักจะให้จานใหญ่ ๆ ก็เพื่อให้เราทานเยอะๆ และหลายครั้งพวกเราก็มักจะสั่งของหวานต่อ
แต่!! ทำไมร้านอาหารบุฟเฟตต์ถึงชอบ จัดจานเล็กๆ แบนๆ ให้พวกเรา เพราะจิตวิทยาจากขนาดของจานจะทำให้เรารู้สึกว่า เราสามารถทานได้นิดเดียว จะได้ไม่กินเยอะนั่นเองครับ
========
3. ใครว่ารูปแบบของแก้วไม่สำคัญ
สังเกตมั๊ยครับ เราจะมีความคิดฝังใจตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ว่าเครื่องดื่มแบบนี้ ต้องดื่มกับแก้วรูปร่างแบบนี้นะ ไม่งั้นจะถึงกับไม่ฟินเลยทีเดียว
เช่น ถ้าไปร้านกาแฟ เวลาสั่งกาแฟร้อน กาแฟก็จะต้องเสิร์ฟมาในแก้วอ้วนๆเล็กๆ กาแฟเย็นก็ต้องเสิร์ฟมาในแก้วสูงๆใสๆ
ถ้าลองไปร้านไหนแล้วเสิร์ฟกาแฟร้านมาในแก้วสูงๆใสๆละก็ … หมดกัน
จิตวิทยาแบบนี้ มีในเครื่องดื่มอื่น ๆ เช่นกันครับ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายชนิด ถ้าใส่ในแก้วที่มีรูปร่างโค้งๆ ลูกค้าจะมีแนวโน้มดื่มหมดเร็วกว่า แก้วแบบตรงๆ เหตุผลคือคนส่วนใหญ่ชอบดื่มให้ถึงจุดใดจุดหนึ่งเสมอ เช่น ครึ่งแก้ว หรือหมดแก้ว
สำหรับแก้วที่มีรูปร่างโค้งๆ เวลาที่ดื่มมาถึงครึ่งแก้ว ความจริงแล้วคุณลูกค้าดื่มไปมากกว่าครึ่งแก้วแบบไม่รู้ตัวแล้วนะครับ (เพราะแก้วโค้งๆส่วนใหญ่บริเวณฐานมักจะแคบกว่าปากแก้วนั่นเองครับ)
========
4. กระตุ้นความอยากอาหารตั้งแต่ยังไม่เข้าร้าน
“KFC” “Subway” “Mc Donald’s” คือเชนร้านอาหาร ชื่อดังระดับโลกที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี แต่เคยสังเกตไหมครับว่า สิ่งหนึ่งที่คล้ายๆกันของทั้งสามแบรนด์นี้คือ “สี”
สังเกตไหมครับว่า ทั้ง 3 แบรนด์มีโลโก้ หรือการตกแต่งร้านที่เน้นสีเหลือง และสีแดง
นั่นเป็นเพราะว่า สีแดง เป็นสัญลักษณ์ของความตื่นเต้น ความอยากทานอาหาร แต่ถ้าร้านมีสีแดงมากเกินไป แล้วถ้าเราเสิร์ฟอาหารช้า ก็อาจจะทำให้ลูกค้าโมโหหิวได้นะครับ แหม..ก็เราไปกระตุ้นความอยากเค้าแล้วหนิ จริงไหมครับ
ส่วนสีเหลือง เป็นสีแห่งความสุขครับ เป็นสีที่ช่วยเพิ่มความกระตือรือร้น ทานอาหารแล้วมีแต่รอยยิ้ม และได้ยินแต่เสียงหัวเราะครับ
========
5. ไม่ใช่คนเท่านั้นที่รูปร่างสำคัญ อาหารก็เหมือนกัน
ผลการวิจัยหลายแห่งระบุตรงกันว่า ถ้าอาหารรูปร่างสี่เหลี่ยม เช่นช็อคโกแลตสี่เหลี่ยม ลูกค้ามักจะคิดว่ามีรสขม แต่ถ้าช็อคโกแลตมีรูปร่างกลมๆ ลูกค้าจะคิดว่ามีรสหวาน (ทั้งๆที่เป็นอาหารหรือขนมชนิดเดียวกัน)
“คนเราส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ถ้าสินค้าอะไรมีน้ำหนัก มักจะมีคุณภาพที่ดีกว่า” ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆเลยครับ เวลาที่เราทานโยเกิร์ต ถ้าเราใช้ช้อนเงิน จะรู้สึกว่าโยเกิร์ตอร่อย กว่ากินด้วยช้อนพลาสติก