Facebook page: ถามอีก กับอิก เรื่องลงทุน
โดย อิก บรรพต ธนาเพิ่มสุข ที่ปรึกษาการเงิน AFPTtm
==============
ผลประกอบการของ TKN ช็อคตลาด!
“ยอดขายในปี 2018 เติบโต 8% แตะระดับ 5,663 ล้านบาท” แต่ที่ช็อคตลาดคือไตรมาสที่ 4 ครับที่ยอดขายอยู่ที่ 1,463 ล้านบาท ลดลง 4% ครับ (ที่ผ่านมาโตหนักมากมาโดยตลอด)
ส่วนกำไรอยู่ที่ 459 ล้านบาท ลดลง 25%

ความเจ๋งคือ เถ้าแก่น้อยมีส่วนแบ่งการตลาดในไทยมากถึง 69% ในปีที่ผ่านมา “เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ที่ตอนนั้นมีส่วนแบ่งการตลาด 62% และปี 2017 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 65%” เหตุผลคือการรุกตลาดมากขึ้นและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ
สำหรับยอดขาย หลัก ๆ มาจากต่างประเทศ 60% (ส่วนใหญ่มาจากจีน 40% ทำให้มีอะไรเกิดขึ้นในจีนก็ทำให้นักลงทุนค่อนข้างกังวลครับ), และในประเทศไทย 39%
==============
ทำไมผลประกอบการผิดคาด?
1. จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงช่วงปลายไตรมาส 3 จนถึงไตรมาสที่ 4
2. การเปลี่ยนแปลงผู้แทนจำหน่ายในจีนครับ (TKN ได้แต่งตั้งทนายเข้าไปฟ้องร้องคู่กรณีแล้ว)
3. มีค่าใช้จ่าย one-time cost เกิดขึ้นครั้งเดียวเช่น ค่ากำจัดขยะ และค่าใช้จ่ายเปลี่ยนผู้แทนจำหน่าย (ทำให้ต้องทำลาย packaging ที่มีแบรนด์ของผู้แทนจำหน่ายเจ้าเดิม)
4. ช่วงแรกของการย้ายโรงงานใหม่อาจจะทำให้อัตราการใช้โรงงานยังไม่เต็มที่
==============
เจาะยอดขาย TKN กันครับ

“ยอดขายในประเทศยังสามารถรักษาระดับได้ประมาณ 5 ร้อยล้านบาทต่อไตรมาส” ผู้บริหารบอกครับ (แต่ไตรมาส 4 ยอดขายในประเทศลดลง 6%)
อีกปัจจัยคือคู่แข่งทำโปรโมชั่น (โดยทั่วไปจะได้รับผลกระทบชั่วคราว)

ตลาดขนมขบเคี้ยวทั้งประเทศเติบโต 5.8% ในขณะที่ตลาดขนมสาหร่ายเติบโต 5.2%
“ในขณะที่ TKN เติบโต 8%” แสดงว่าเติบโตมากกว่าตลาด
“เกิดจากการเปิดตัวสาหร่ายทอดรสชาติใหม่” และเปิดสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ เพิ่ม 9 สาขา
แรกเดิมเถ้าแก่น้อยแลนด์เน้นของฝาก แต่อนาคตจะเน้นสินค้าประเภทอื่น
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวสินค้าอื่น เช่น whey โปรตีน รสสตอร์เบอร์รี่ โยเกิร์ต และ Tin Ten (ปลาหมึกรสไข่เค็ม)
==============
สำหรับตลาดต่างประเทศ เป็นอย่างไร?
ตลาดต่างประเทศภาพรวมยังเติบโต 7% หลัก ๆ มาจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย และ CLMV

โดยช่วงไตรมาสที่ 3 ปีที่ผ่านมาได้เปิดตัว แบรนดใหม่ชื่อ “NORA” ในสหรัฐ (นิวยอร์คและฮาวาย มีผลตอบรับดีมาก)
ขณะที่ค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้า
==============
ทั้งปีตลาดจีนยังเติบโต แต่น้อยกว่าคาด ทำให้ TKN งานเข้า!
ยอดขายในตลาดจีนอยู่ที่ 2,195 ล้านบาทเติบโต 5% แต่ช่วงไตรมาสที่ 4 ยอดขายลดลง 9% งานเข้าเลยครับ

โดยได้เปลี่ยนตัวแทนผู้จัดจำหน่ายเซี่ยงไฮ้ (ก่อนหน้านี้มีที่เซี่ยงไฮ้และกว่างโจว) และได้เพิ่มตัวแทนจำหน่ายเพิ่มในปักกิ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญออนไลน์อย่างมาก
สำหรับสินค้าปลอมแปลง จะเข้าห้างไม่ได้ และผู้บริหารยืนยันว่าแยกออกว่าอันไหนของจริง อันไหนของปลอม
==============
มาเจาะดูยอดขายของแต่ละสินค้ากันครับ
ตอนนี้สัดส่วน สาหร่ายย่างแซงหน้า สาหร่ายทอดแล้วครับ “สาหร่ายย่างมีสัดส่วน 45%, ส่วนสาหร่ายทอดมียอดขายสัดส่วน 43%”

“สำหรับสาหร่ายอบมีสัดส่วน 5% และเทมปุระ มีสัดส่วนยอดขาย 2%”
==============
กำลังการผลิต TKN
ตอนนี้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 74% สามารถรองรับยอดขายได้ 8 พันล้านบาทในอนาคตโดยที่ยังไม่ต้องขยายโรงงาน

ในขณะที่โครงสร้างต้นทุนก็น่าสนใจทำให้วิเคราะห์ เถ้าแก่น้อยได้ชัดเจนมากขึ้นครับ
หลัก ๆ แล้วคือต้นทุนค่าวัตถุดิบ สาหร่ายครับ ที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 42% (ช่วงที่ผ่านมาต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ TKN งานเข้า กำไรน้อยลง แต่ปีนี้ผู้บริหารแจ้งว่าราคาสาหร่ายลดลงครับ)
รองลงมาคือบรรจุภัณฑ์: 22%, ค่าแรง 18%, ค่า overhead 8.2%
==============
อัตรากำไรร่วงลงจริงจัง ผู้ถือหุ้นแอบมึน
จากเดิม Net profit margin เคยแตะระดับ 17.9% ก่อนจะเริ่มร่วงเหลือ 1.7% ในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นช็อคเลยครับ (ช่วงปี 2017-2018: เหลือ 11%)

สำหรับตลาดในประเทศมีเครดิตเทอม 3 เดือน ในขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ 22 วัน
“จุดที่น่าสนใจคือ inventory เพิ่มขึ้นพอสมควร” ทางผู้บริหารอธิบายว่าเป็นการเก็บสต๊อคสาหร่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมาครับ
เหตุผลคือสาหร่ายราคาร่วงลง 15% และค่าเงินบาทแข็ง ทำให้ตอนนี้มีสาหร่ายรองรับได้ถึงกลางปี 2563 (ราคาสาหร่ายเกือบต่ำที่สุดในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา) แต่ถ้าราคาสาหร่ายร่วงลงอีก TKN จะซื้อวัตถุดิบเพิ่มอีกจนรองรับถึงสิ้นปี 2563 ครับ
โดยแหล่งผลิตสาหร่ายที่สำคัญๆคือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน
==============
เป้าหมาย ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
“เป้าหมายยอดขายปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน” “โดยมาจากในประเทศ 40% และต่างประเทศ 60%” คุณต๊อบ บอกครับ

โดยมีกลยุทธ์ที่หลากหลายมากครับ:
1. แผนขยายสาขาเถ้าแก่น้อยแลนด์ และเถ้าแก่น้อยแลนด์พลัส จากปี 61 มีสาขาอยู่ที่ 20 สาขา และ 2 สาขา ตามลำดับ
2. เพิ่มสาขาร้าน Hinoya Curry หรือร้านอาหารข้าวแกงกะหรี่ ที่ได้เปิดตัวไปจำนวน 1 แห่ง
3. เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยจะเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สาหร่ายอบ เป็นต้น ซึ่งได้วางงบการตลาดไว้ที่ 5-6% ของยอดขายรวม
4. นอกจากตลาดจีน (ที่ได้เปลี่ยนตัวแทนจำหน่ายรายใหม่แล้ว) TKN ยังจะเน้นไปที่ตลาดสหรัฐด้วยครับ โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าซื้อกิจการในสหรัฐฯ “NORA” ได้เริ่มวางจำหน่ายไปแล้วในช่วงปลายปีที่แล้ว ในรัฐแคลิฟอร์เนีย, นครนิวยอร์ก และฮาวาย
ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5 ล้านเหรียญฯ
5. TKN ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศสหรัฐฯ และจีน เพื่อเข้าร่วมลงทุน (JV)
ในสหรัฐฯ จะเข้าไปร่วมลงทุนกับแบรนด์ท้องถิ่น และสร้างแบรนด์ใหม่
ส่วนจีน จะร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก เพื่อเพิ่มช่องทางการขายสินค้าที่ไม่ใช่สาหร่าย ผ่านแบรนด์เถ้าแก่น้อย เช่น การนำเอาสินค้าในประเทศไทยไปจำหน่ายในประเทศจีน เป็นต้นครับ
6. ตั้งเป้ายอดขายในประเทศเติบโต 10%
==============
ปล.หน้าตาของคุณต๊อบ ดูเหนื่อย กว่าปกติพอสมควรครับ สู้ ๆ นะค้าบบบบ
(แต่ชื่นชมคุณต๊อบที่แม้ว่า สถานการณ์จะไม่ดี หรือช่วงที่ดียังไง ก็ยังเดินทางมาให้ข้อมูลด้วยตัวเองเสมอ ๆ)