เละ! เซ็ง! เบื่อ! คือคำพูดที่ผมเห็นในทุกกรุปไลน์หุ้น
วันนี้ต้องบอกว่าเป็นวันแดงเดือด แดงทั้งโลก
ตลาดหุ้นถูกเทหนักเริ่มจาก สหรัฐเกือบ 1 พันจุด (ไม่เห็นแบบนี้นานแล้ว) ตื่นมาก็ต๊กกระใจหมด
หลังจากนั้นตลาดเอเชียเปิดมา ก็เละเป็นโจ๊ค ครับ
เหตุผลหลักๆต้องบอกว่า เป็นเรื่องเดิมๆทั้งน้าน ทั้งเรื่องอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งปรี๊ด,
สงครามการค้า, คำพูดของพี่ทรัมป์, หุ้นกลุ่มเทคที่เล่นอนาคตไปถึงดาวอังคาร แถมด้วยหนี้จากอิตาลี
แต่แทนที่เราจะมามัวเศร้า เซ็ง เบื่อ ผมชวนทุกท่านมา อ่านแนวคิดของ คุณ Jim Rogers ราชาสินค้าโภคภัณฑ์ครับ นักลงทุนตัวจี๊ดระดับโลกครับ
เพื่อเตรียมตัวรอโอกาสขาขึ้นรอบต่อไป
============
1.มองหาอะไรก็ตามที่ คนส่วนใหญ่มองข้าม
“คนส่วนใหญ่มักจะ ทำการบ้านเฉพาะตอนที่ตลาดเป็นขาขึ้น” คุณ Jim Rogers แทงใจดำแมงเม่าอย่างพวกเราครับ
ลุงจิมบอกเสริมว่า “คำแนะนำที่ดีที่สุด คือรีบมองหาโอกาสลงทุน ตอนช่วงที่เป็นตลาดหมี ตลาดขาลง”
เค้ายกตัวอย่างเหตุการณ์ตอนช่วง 1998 ทุกคนเทสินค้าโภคภัณฑ์หมด ทุกคนเขย็ดขยาดหมด ไม่กล้าซื้อ เรียกได้ว่า ถ้าในพอร์ตมีสินค้าโภคภัณฑ์เนี่ย โดนเพื่อนล้อนะครับ
แต่ลุงแกบอกว่า “no no มันต้องมีโอกาสอะไรบางอย่าง” แกเริ่มทำการบ้านทำวิจัย จนแน่ใจว่าอีกไม่นานปริมาณสินค้าโภคภัณฑ์จะน้อยกว่าความต้องการ
“ผมมั่นใจว่าขาลงกำลังจะจบลงแล้ว” ลุงแกก็จัดเต็ม อีกแปบนึงก็เป็นตามที่แกคิด จนรวยมหาศาล
“ยิ่งคนอื่นบอกว่า โอกาสลงทุนในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่ง เป็นเรื่องที่เหลวไหล” “ยิ่งบอกว่าการลงทุนไร้อนาคต”
คุณยิ่งต้องกระโจนเข้าไปทำการบ้าน อย่าปล่อยโอกาสให้โอกาสหลุดลอยไป
============
2.ซื้อตอนคนอื่นกลัวตื่นตระหนก แต่กลัวตอนที่คนอื่นโลภ
เป็นประโยคที่เซียนๆระดับโลกพูดถึงบ่อยมากครับ แต่พวกเรามักจะทำไม่ได้ตอนอยู่ในสนามจริง
“ส่วนตัวผมมักจะมองหาว่าสินทรัพย์ไหนที่อยู่ในภาวะตลาดหมี” “สินทรัพย์ไหนร้อนแรงเกินไป”
แต่! สิ่งที่ลุงจิมบอกคือ “อย่าขาย เพียงเพราะรู้สึกว่ามันแพง” และ “อย่าซื้อเพียงเพราะว่ามันมีราคาถูก”
เป็นประโยคที่ผมชอบมากๆครับ เพราะหลายครั้ง เรา”รู้สึก” ว่าแพง เราเลยขาย แล้วอีกแปบนึง มันก็วิ่งหูดับตับไหม้
ส่วนถ้าเราใช้ความรู้สึกว่า สินทรัพย์นั้นมันราคาถูกเลย เราเลยจัดหนัก
ผลสุดท้ายสิ่งมี่เราคิดว่าถูก มันอาจจะมีถูกกว่า จริงไหมครับ
“เชื่อไหมว่า ถ้าเจอสินทรัพย์ไหนเป็นขาลง มันอาจจะร่วงหนัก แล้ว sideway ราคาไม่ไปไหน ไปอีก 5-7 ปี” นั่นเป็นค่าเสียโอกาสหนักมาก
============
3.มองหาโอกาสอนาคตเสมอแล้วทำการบ้านให้หนัก ก่อนจัดให้เต็ม
ลุงจิมยกตัวอย่างตอนสมัยที่แกเห็นโอกาสในจีนตอนช่วง 1980
ช่วงนั้นต้องบอกว่า แทบจะไม่มีใครเห็นคุณค่าของยักษ์ใหญ่รายนี้ครับ
แต่ลุงจิม ตะหงิดๆว่าน่าจะดีเลย ทำการบ้านหนักเป็นปีๆ แล้วไปขับรถดูบ้านเมือง ศึกษาวัฒนธรรมจีน ไปทั่วประเทศ
จนหลงเสน่ห์ของประเทศนี้ และมองว่า ด้วยพลังของชนชั้นกลางจะทำให้ประเทศนี้ผงาดเป็นมหาอำนาจได้ เลยจัดหนักซื้อแบบจัดเต็ม
นี่แหละครับคือสิ่งที่เค้าบอกว่า ให้มองหาอนาคตในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่ง แล้วทำการบ้านให้หนักแล้วจัดให้เต็ม
============
4.ต้องศึกษาด้วยตัวเอง อย่าพึ่งผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียว
“นักเชี่ยวชาญหลายคนบอกตอน ตลาดหุ้นอยู่ระดับ 1,800 จุด ว่า กำลังจะไป 2,000 จุด”
“แต่พอตลาดร่วงหลุด 1,700 มองว่าตลาดมีโอกาสร่วงไป 1,600 จุด” โอ้โห ถ้าเราเชื่อตอน 1,800 จุดนี่ดอยยาวนะครับ
ไม่ใช่ว่าจะไปโจมตีผู้เชี่ยวชาญนะครับ แต่ลุงแกบอกว่า ทุกคนมีโอกาสวิเคราะห์ผิด และนี่มันคือเงินของเรา เราต้องตัดสินใจเอง อย่ามัวแต่พึ่งใคร
“แค่คุณอ่าน 56-1 และ รายงานประจำปี คุณก็ทำการบ้านมากกว่าคนอื่นในตลาดกว่า 98% ละ”
“แค่คุณอ่านงบการเงินก่อนลงทุน คุณก็ทำการบ้านมากกว่าคนอื่น 99.5% แล้ว”
คนส่วนน้อยที่ลงทุนแล้วได้กำไรตลอดรอดฝั่ง ในระยะยาว
ถ้าเราอยากเป็นคนส่วนน้อยเราก็ต้องทำการบ้านมากกว่าคนอื่น
============
5.รู้ว่าเมื่อไหร่ ควรจะพัก เมื่อไหร่ควรอยู่เฉยๆ
นี่คือสิ่งที่ยากสุดๆครับ เพราะชีวิตจริงพวกเราคันมือสุดๆจิงไหมครับ?
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราซื้อหุ้นแล้วได้กำไรทุกที เมื่อไหร่ที่เรามีความมั่นใจสุดๆ” เมื่อนั้นต้องหยุด พักมือ อยู่เฉยๆ นั่งทับมือไว้แล้วไปทำอย่างอื่นสักพักครับ
“หรือช่วงไหนที่ยิ่งซื้อ ยิ่งเจ๊ง ยิ่งซื้อ ยิ่งขาดทุน อันนี้ก็ควรพักเพราะจิตใจไม่พร้อมที่จะลงทุน”
การลงทุน ไม่ได้มีแค่การซื้อ หรือขาย เพราะหลายครั้งการอยู่เฉยๆ กลับเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เห็นด้วยไหมครับ?
============
วันนี้เป็นอีกวันที่หลายคนท้อแท้ใจ แต่ผมอยากให้สู้เต็มที่ ลุกขึ้นมาใหม่
อย่ามัวแต่เซ็ง อย่ามัวแต่เบื่อ นั่งพักแล้วลุกขึ้นมาทำการบ้านกันครับ
โอกาสมีอยู่เสมอ ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน ลงทุนมีความสุขครับ 🙂
=============
ไม่อยากพลาด! Add [email protected]ไว้นะครับ
https://line.me/ti/p/%40Tam-eig
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพจาก Jim Rogers
