ด่วน! แบงค์ชาติอัดยาแรง ตลาดหุ้นร่วงและค่าเงินบาทอ่อนค่าทันที
เช้านี้มีเรื่องตื่นเต้นเยอะจริงๆครับ อยู่ๆค่าเงินบาทก็ดีดกลับ อ่อนค่ารวดเดียวเกือบ 1% ขึ้นมาอยู่โซน 31 บาท
ในขณะที่ตลาดหุ้นเองก็เช่นกันบวกเพลินๆ ประมาณ 5 จุดเศษๆ สุดท้ายก็ถูกทุบลงมาเกือบ 10 จุดในช่วงเช้านี้
สิ่งที่อธิบายได้คือ การออกมาตรการของแบงค์ชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทยครับ
“มาตรการนี้ถือว่าเป็นยาแรงมากๆครับ นักลงทุนต่างชาติที่เป็นนักเก็งกำไรน่าจะต้องคิดหนักเลยครับ” นี่เป็นความเห็นของ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัททรีนีตี้ ที่ให้สัมภาษณ์ exclusive กับทีม “ถามอีก กับอิก” ครับ
============
มาตรการที่ว่านี้คืออะไร?
1. ปรับลดยอดคงค้างสิ้นวันของบัญชีนักลงทุนต่างชาติที่จะเอาเงินมาพักไว้ ก่อนจะเข้าซื้อหุ้น ตราสารหนี้ และการชำระค่าสินค้าและบริการ จาก 300 ล้านบาทเหลือ 200 ล้านบาท (มีผล ตั้งแต่ 22 ก.ค. นี้เป็นต้นไป)
2. ต้องรายงานข้อมูลว่า นักลงทุนต่างชาติที่มาซื้อตราสารหนี้ จริงๆแล้วใครคือคนที่ได้รับประโยชน์ ใครคือคนที่เป็นนักลงทุนตัวจริง (บางคนอาจจะซื้อผ่านกองทุน) โดยจะเริ่มให้รายงานตั้งแต่เดือน กค.นี้เลย
“ธนาคารแห่งประเทศไทยติดตามค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด” “และมีความกังวลกับค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นเร็วและแข็งค่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินภูมิภาค จนอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวม” ผู้บริหารของแบงค์ชาติอธิบายสั้นๆครับ
============
คุณวิศิษฐ์ นักวิเคราะห์ขวัญใจมหาชนชวนคิดว่า ทำไมแบงค์ชาติต้องใช้มาตรการนี้?
“นับตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อตราสารหนี้ไทยมากถึง 1.2-1.4 แสนล้านบาท”
คุณวิศิษฐ์ สุดยอดนักวิเคราะห์ของไทย อธิบายว่าตอนนี้อัตราดอกเบี้ยโลกเริ่มมีแนวโน้มเป็นขาลง ค่าเงินดอลลาร์เองก็อ่อน เพราะเจอปัญหาชะลอตัวเศรษฐกิจและสงครามการค้า
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ได้แย่ขนาดนั้น และมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก “เงินทุนต่างชาติเลยไหลเข้ามา และมองว่าประเทศไทยเป็น safe haven”
แต่ต้องยอมรับว่ากระแสเงินทุนจากต่างชาตินี้ส่วนหนึ่งเป็นการเก็งกำไรและเป็นแหล่งพักเงินชั่วคราวครับ นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมค่าเงินบาทถึงแข็งโป๊ก และแข็งอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แล้วพอหันไปดูตัวเลขการส่งออก 5 เดือนแรกของปีนี้ก็ร่วง 4.9% ค่าเงินบาทแข็งโป๊กแบบนี้ ผู้ส่งออกของไทยเองก็จุกสิครัช
============
มุมมองคุณวิศิษฐ์ ต่อมาตรการของแบงค์ชาติ
“ผมคิดว่าเป็นยาแรงนะครับ แต่คิดว่าเป็นมาตรการที่ดี เพราะจะช่วยลดการเก็งกำไรได้อยู่หมัด” ดร.วิศิษฐ์ ฟันธงครับ
คุณวิศิษฐ์ยอมรับว่า การให้ต่างชาติเปิดเผยชื่อของคนที่ได้ประโยชน์จริงๆ อาจจะทำให้มีคนไม่พอใจบ้าง “แต่เจตนาของแบงค์ชาติ คือการจะไปติตตามพฤติกรรมการซื้อ–ขาย ของคนนั้นๆ หรือกองทุนนั้นๆ”
พูดง่ายๆคือ ถ้าไม่ได้มีการเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ ก็น่าจะยินดีเปิดเผยข้อมูลเพื่อความโปร่งใส
“มาตรการเหล่านี้จะช่วยทำให้ตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้นไทย เคลื่อนไหวในแบบที่มันควรจะเป็น” “ค่าเงินบาทก็น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น” ดร.วิศิษฐ์ มองในแง่บวกครับ
แต่จริงๆแล้วตั้งแต่เมื่อวานเองก็มีแรงขายของต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ออกมาก่อนแล้ว ประมาณ 3,400 ล้านบาท “ผมมองว่ามีนัยยสำคัญเหมือนกัน”
แหะๆ… ไม่รู้มีใครเป็นม้าเร็ว ถึงได้กลิ่นเร็วขนาดนี้
============
ผลกระทบรุนแรงไหม?
ถ้าจำกันได้ในอดีต แบงค์ชาติก็เคยใช้มาตรการที่แรงๆมาแล้ว เช่นการควบคุมเงินทุน capital control ทำให้ตลาดลงเละเทะ
“ผมไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เพราะถ้าเป็นกองทุนหรือเงินลงทุนที่ตั้งใจลงทุนระยะยาวก็จะยังไม่ขายหุ้นไทย และตลาดตราสารหนี้ไทย” “มองว่าตลาดไม่น่าจะช็อค ตกใจกับมาตรการเหล่านี้”
คุณวิศิษฐ์มองว่า ผลกระทบน่าะจะเพียงระยะสั้น ตลาดหุ้นที่ร่วงลงเช้านี้ ก็น่าจะปรับฐานรับข่าวชั่วคราว เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่มพื้นฐานดี
“อีกอย่างนักลงทุนต่างชาติเพิ่งซื้อหุ้นไทยไปแค่ 5 หมื่นกว่าล้านบาท ยังถือว่าไม่เยอะเมื่อเทียบกับที่เค้าขายไปในปีที่แล้ว” “มองว่าเป็นโอกาสในการลงทุน”
============
แนะนำส่งท้าย และอวยพรนักลงทุน 🙂
“หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรขึ้นมามาก แนะนำให้ระมัดระวังในการลงทุน”
ส่วนกลุ่มที่น่าสนใจคุณวิศิษฐ์มองว่ากลุ่มที่เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่ม REITs เป็นกลุ่มที่น่าสนใจครับ
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุน ลงทุนมีความสุข นี่คือ ถามอีก กับอิก ครับ 🙂
============
ตอนนี้เรากำลังยกเลิกการส่งไลน์แอด และไปส่งผ่าน Telegram ถ้าไม่อยากพลาดข้อมูลและแนวคิดดีๆ แอดมาโลดเด้อ https://t.me/TAM_EIG