สดๆร้อนๆ! สรุปสัมภาษณ์ของปุ่บัฟเฟตต์ถึงพริกถึงขิง
ปู่บัฟเฟตต์ อายุ 88 ยังแจ๋ว
ปีนี้จัดเต็มให้ความรู้อย่างเต็มที่ ให้สัมภาษณ์ CNBC เพิ่มเติมจากรายงานประจำปี
ผมก็เลยสรุปมาให้ฟังเลยครับ พี่น้องนักลงทุนไทยจะได้รู้ว่านักลงทุนระดับโลกคิดอะไรอยู่ครับ
=============
1. จะไม่บอกว่าหุ้นตัวไหนในพอร์ตที่ติดเชื้อโรค เป็นหุ้นไม่ดี (ในรายงานการประชุม ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า หุ้นบางตัวติดเชื้อโรค) และจะไม่บอกด้วยว่าหุ้นตัวไหนดี บอกแค่ว่าหุ้นที่ไม่ดี มีนิดเดียวเอง ไม่มีผลต่อพอร์ตภาพใหญ่หรอก
บางบริษัทแค่อยู่ผิดอุตสาหกรรม
2. ยากที่จะเอาชนะตลาด “ตอนนี้ทายาทผู้จัดการลงทุน อย่างคุณ Ted และ Todd ก็ทำผลงานตามหลัง S&P มาแบบติดๆ”
3. ปู่ยอมรับว่าข้อผิดพลาดที่เข้าซื้อหุ้น Kraft Heinz (ซอสมะเขือเทศ) แต่ยังไงก็ยังมองว่าเป็นหุ้นที่สุดยอด สวยงามสุดๆ แม้ว่าซอสยี่ห้ออื่นที่อาจจะมีแบรนด์ไม่แข็งแกร่งเท่าเริ่มทำได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ปู่ยอมรับว่า แกจ่ายเงินซื้อหุ้น Kraft แพงเกินไปครับ แต่ยืนยันว่าจะไม่ขายหุ้นแม้ว่าผลประกอบการจะแย่กว่าคาด (ราคาหุ้นร่วงวันเดียว 30% หลังลดจ่ายเงินปันผล และมีปัญหาเรื่องบัญชี)
และก็ยืนยันว่ายังสนใจที่จะซื้อหุ้น ขนาดใหญ่ เพิ่มเติม (ปู่ใช้คำว่า elephant-size หุ้นขนาดยักษ์ใหญ่ ขนาดใหญ่ตัวเท่าช้าง)
4. ปู่บัฟเฟตต์บอกว่า ไตรมาสที่ 4 เกือบจะปิดดีลยักษ์ใหญ่ได้ แต่ว่าตกลงกันไม่ได้ เลยชวดไป แต่แกไม่ยอมบอกว่าหุ้นตัวไหน บอกแค่ว่าอยู่บนโลกใบนี้แหละ (ล้มดีลนี้ไปแล้ว)
“เรามีเงินสดเยอะมากๆๆ และเราอยากใช้ตังมากๆ” ตอนนี้ปู่มีเงินสดสูงกว่า 1.12 แสนล้านบาท!! แต่ถ้าหาธุรกิจที่ดีไม่ได้ ปู่ก็จะไม่ซื้อครับ เก็บเงินสดไว้ดีกว่า
5. ถ้าให้เลือกว่าจะลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตรในช่วง 10 ปีข้างหน้า
“ผมเลือกที่จะลงทุนในหุ้นครับ” ปู่ยืนยันชัดเจนมากครับ
“แล้วจะซื้อดัชนี S&P เป็นอันดับ 2” แต่ไม่บอกว่าปู่สนใจจะซื้อพันธบัตรหรือไม่ครับ
จริงๆไม่ต้องเลือกหุ้นก็ได้ แค่เลือกลงทุนเกาะกระแสธีมสหรัฐ เชื่อมั่นเซรษฐกิจสหรัฐก็พอ
6.”ผมเบาใจว่า อย่างน้อยก็พอจะเห็นทางออกระหว่างการเจรจาระหว่าง จีน-สหรัฐ” ปู่บอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือ การหาทางออกร่วมกันเรื่องสงครามการค้าอย่างสมเหตุสมผลครับ เพราะไม่งั้นก็จะสร้างความเสียหายให้กับทั้งสองประเทศครับ
7.”ผมชอบหุ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 , ถ้าระดับอัตราดอกเบี้ยระยะยาวอยู่ที่ระดับ 3% ผมคิดว่ายังมีหุ้นราคาถูกเยอะมาก” แต่ปู่อยากซื้อธุรกิจที่ดีมากกว่าการมานั่งดูแต่ราคาหุ้นบนกระดานครับ “ผมไม่สนใจการเหวี่ยงไป เหวี่ยงมาของราคาหุ้นรายวัน”
8. ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐยังดีอยู่ แต่การก่อสร้างบ้านนใหม่ดูแล้วน่าผิดหวัง (แกบอกว่า ปกติจะขึ้นอยู่กับอัตราการเกิดของเด็กเกิดใหม่ ซึ่งตอนนี้น้อยมาก)
9. บัฟเฟตต์มองว่า ตอนนี้คนรวยจ่ายภาษีในอัตราที่น้อยกว่า ค่าเฉลี่ยของชาวอเมริกันทั้งประเทศ
10. ปูบอกว่าไม่ได้ซื้อหุ้น Apple เพิ่มในช่วงนี้ (แม้ว่าราคาจะร่วงมา 20% แล้วก็ตามในรอบ 6 เดือนล่าสุด) แต่ถ้าราคาหุ้นถูกลงกว่านี้ ก็จะจัดเพิ่มครับ “ผมคงจะไม่ขายแล้ว แต่ถ้าราคายิ่งต่ำกว่านี้เท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น” “ผมชอบมาก”
“ผมยืนยันว่า ผมไม่ได้เป็นคนขายหุ้น Apple” นั่นหมายความว่าคนที่ขายน่าจะเป็น Ted หรือ Todd ครับ แต่เหตุผลคือ ต้องเอาไปซื้อหุ้นตัวอื่น (ทั้งสองคน ยังมีข้อจำกัดในด้านจำนวนเม็ดเงินที่สามารถลงทุนได้ครับ ไม่สามารถเอาเงินทั้งหมดของ Berkshire ไปลงทุนได้)
“ผมไม่กังวลผลประกอบการระยะสั้น เพราะด้วยพลังของแบรนด์ Apple และระบบ Ecosystem ของ Apple ยังไงก็เชื่อว่า Apple ยังดีในระยะยาว” ถ้าฟังดีๆจะเห็นว่า ปู่บัฟเฟตต์มองหุ้น Apple เป็นหุ้นอุปโภคบริโภคมากกว่าหุ้นเทคโนโลยี
11. การลงทุนในหุ้นธนาคารในราคาหุ้นที่ไม่แพงเกินไป เป็นสิ่งที่น่าลงทุนอย่างมาก
โดยมองว่า JP Morgan เป็นธนาคารที่ดี มีทีมบริหารจัดการที่ดี
12. Oracle เป็นหุ้นที่ปู่เพิ่งซื้อไปในช่วงไตรมาสที่ 4 มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่คำถามคือ ทำไมอยู่ๆถึงขาย? เหตุผลง่ายๆคือ ผมไม่ได้เข้าใจมันดีมากเพียงพอ ก็เลยขายทิ้ง ไม่เหลือสักหุ้น
13. เชื่อว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะมาแน่ๆ โดยเฉพาะในสหรัฐ (แม้ว่าจะไม่มีเงินสนับสนุนจากรัฐบาลแล้วก็ตามในอนาคต) และจะมาเร็วกว่าที่หลายคนคิด และมาเร็วกว่ารถไร้คนขับ
“ผมลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในจีนมา 10 ปีแล้ว หลังจากที่ชาร์ลี มังเกอร์บอกให้ลองดูธุรกิจนี้”
14. การปรับเปลี่ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐไม่มีผลต่อพอร์ตของ Berkshire
15. มองว่าบิดดอย เป็น delusion เป็นอาการหลงผิด ไม่ใช่การลงทุน ไม่มีมูลค่าใดๆเลย แต่ Blockchain จะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญมากๆในโลกอนาคต
16. การซื้อดัชนี S&P 500 ยังเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดในระยะยาวสำหรับคนทั่วไป
17. การร่วมลงทุนกับ Amazon และ JP Morgan ด้านสุขภาพ มองว่าเป็นเรื่องระยะยาว (เค้ามองว่า ค่ารักษาพยาบาลตอนนี้แพงมาก แม้ว่าจะดีมากก็ตาม เพิ่มขึ้นตลอด) “เรามองว่า อยากจะหาทางลดค่ารักษาพยาบาลลง อย่างน้อยก็พนักงานในเครือของพวกเรา ก็ได้ประโยชน์”
18. Amazon ได้รับผลกระทบเล็กน้อย หลังจากที่ไม่สามารถตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่ นิวยอร์คได้ (มีการประท้วงทำให้ต้องเปลี่ยนแผน)
=============
ไม่อยากพลาด! อย่าลืมกดติดตามนะครับ
[email protected]: http://bit.ly/TAM-EIG_LINE
Twitter: http://bit.ly/TAM-EIG_Twitter
Youtube: http://bit.ly/TAM-EIG_Youtube
ขอบคุณภาพข้อมูลบางส่วนจาก CNBC